ในห้วงราตรีอันมืดมิด แสงจันทร์ส่องลอดผ่านหมอกหนาเบื้องบน ย้อมผืนป่าให้กลายเป็นภาพลวงตา ทุ่งหญ้าโบกสะบัดตามแรงลมที่พัดพาเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณหลงทาง และในความเงียบงันนั้นเอง ร่างของชายหนึ่งปรากฏขึ้น เขาก้าวอย่างเงียบเชียบ ผ่านซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่พันเกี่ยว ร่างสูงนั้นสวมเสื้อคลุมหนังสีดำ ผมยาวสีเงินประดุจเส้นใยเงินส่องแสงเมื่อแสงจันทร์กระทบ ใบหน้าคมคายแต่มีรอยแผลเป็นเป็นร่องยาวเหนือคิ้ว ดวงตาเหลืองทองฉายประกายหมาป่าที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น นั่นคือ Geralt of Rivia นักล่าอสูรผู้มากฝีมือ ผู้เดินทางในโลกที่เต็มไปด้วยมนตรา ความตาย และความจริงอันโหดร้าย
เสียงเหล็กกระทบกันเบาๆ ดังมาจากดาบสองเล่มที่เหน็บอยู่บนหลังของเขา—ดาบเหล็กสำหรับมนุษย์ และดาบเงินสำหรับอสูรกาย สองสิ่งที่เป็นดั่งเงาสะท้อนของชีวิตและความตายของเขาเอง การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการไล่ล่าอสูรเพียงอย่างเดียว แต่มันเริ่มต้นจากความฝัน… ความฝันที่เหมือนลางร้าย
ในความฝันอันแปลกประหลาด Geralt เห็นตนเองกลับไปยัง Kaer Morhen ปราสาทโบราณที่เป็นที่ฝึกฝนของเหล่า Witcher เขาเห็น Vesemir ปรมาจารย์ผู้สูงวัยกำลังฝึกเหล่าเด็กฝึกกับเสียงหัวเราะที่แสนอบอุ่น แต่แล้วภาพเหล่านั้นกลับเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยภาพของ Yennefer of Vengerberg หญิงสาวผมดำยาวที่มีดวงตาสีม่วงอมฟ้า นางกำลังถูกไล่ล่าโดยเงาดำอันน่ากลัว นั่นคือ Wild Hunt—กลุ่มอัศวินภูตผีในชุดเกราะน้ำแข็งนำโดย Eredin Bréacc Glas ที่กำลังตามล่าหญิงสาวและ Cirilla เด็กสาวผู้มีผมสีเงินและดวงตาเหมือนเขา
ภาพในฝันเลือนหายไปในเสียงคำรามของสายลม Geralt ตื่นขึ้นกลางดึกในห้องหินของ Kaer Morhen เสียงฝนกระหน่ำและสายฟ้าฟาดลงบนหินผา เขานั่งเงียบอยู่ริมหน้าต่าง นัยน์ตาที่เหมือนหมาป่าจ้องมองความมืด เขารู้ทันทีว่าฝันนั้นไม่ใช่แค่ภาพลวงตา มันคือสัญญาณจากโชคชะตาที่เตือนให้เขาออกเดินทางตามหา Ciri ผู้เป็นดังลูกสาวที่เขารักที่สุด
รุ่งเช้า Geralt เดินออกจากประตูใหญ่ของ Kaer Morhen พร้อม Vesemir เพื่อนร่วมรบผู้มากประสบการณ์ ม้าคู่ใจของเขา Roach ส่งเสียงฮึดฮัดก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นหลังม้าและออกเดินทางลงจากภูเขาสูง ผ่านป่าลึกและแม่น้ำเย็นเฉียบ สู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า White Orchard
White Orchard เป็นหมู่บ้านเงียบสงบที่ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นของแป้งขนมปังและฟางแห้ง แต่ความสงบนี้กำลังถูกคุกคาม ชาวบ้านพากันพูดถึง Griffin อสูรกายปีกใหญ่ที่ออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืน ทำให้หมู่บ้านแทบกลายเป็นเมืองร้าง Geralt และ Vesemir แวะพักที่โรงเตี๊ยม White Orchard Inn เพื่อหาข่าวเกี่ยวกับ Yennefer และการเคลื่อนไหวของ Nilfgaard—จักรวรรดิที่กำลังรุกรานดินแดนนี้
Geralt ตกลงรับภารกิจจัดการกับ Griffin เพื่อแลกกับข้อมูลของ Yennefer เขาออกสำรวจรอบหมู่บ้าน พบซากศพของเหยื่อ Griffin ถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ และร่องรอยเลือดที่นำไปสู่รังของมัน ในระหว่างนั้น Geralt ยังต้องทำภารกิจย่อย เช่น ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกโจรปล้น ปลดปล่อยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกักขังโดยทหาร Nilfgaard และเก็บสมุนไพรเพื่อปรุงยาเพิ่มพลัง
เมื่อเตรียมพร้อมครบถ้วนแล้ว เขากลับมาที่รัง Griffin และใช้เหยื่อล่อที่ Vesemir เตรียมไว้ เสียงปีกกระพือดังก้องทั่วป่า ก่อนที่ Griffin จะพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยเสียงคำราม Geralt กระชับดาบเงินในมือพร้อมร่าย Signs—Igni เพื่อยิงเปลวไฟ, Aard เพื่อผลัก Griffin กลับไป และ Quen สร้างโล่พลังเวทย์ป้องกันการโจมตี
การต่อสู้นี้กินเวลานาน ร่างกายของ Geralt เต็มไปด้วยบาดแผลเล็กน้อย แต่ด้วยทักษะและความมุ่งมั่น เขาสามารถฟาดดาบใส่จุดอ่อนของ Griffin จนมันล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยและเลือดสาดกระเซ็น
หลังจากล่า Griffin สำเร็จ Geralt ได้ข้อมูลสำคัญจากผู้ช่วยของ Nilfgaard ว่า Yennefer อยู่ที่ Vizima เมืองหลวงที่ถูก Nilfgaard ยึดครอง Geralt และ Vesemir จึงเก็บข้าวของ เตรียมม้าคู่ใจ Roach และออกเดินทางต่อ
เส้นทางสู่ Vizima ไม่ได้ราบรื่น พวกเขาต้องเผชิญกับด่านตรวจของทหาร Nilfgaard, ชาวบ้านที่หวาดกลัวสงคราม, และข่าวลือเกี่ยวกับการตามล่าของ Wild Hunt ที่เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วดินแดน บางคนกล่าวว่าพวกมันคือเงาแห่งความตาย บางคนเชื่อว่าพวกมันเป็นผู้เก็บวิญญาณของผู้ที่กล้าท้าทายโชคชะตา
เมื่อถึง Vizima Geralt ถูกควบคุมตัวไปยัง Royal Palace ที่ซึ่ง Emhyr var Emreis จักรพรรดิแห่ง Nilfgaard กำลังรอคอยเขาอยู่…
เสียงลมพัดแรงขึ้น กลิ่นควันไฟและเสียงหอนของหมาป่าดังก้องกลางป่า ร่างของ Geralt บนหลัง Roach ค่อยๆ ลับหายไปในเงามืดของค่ำคืน เส้นทางแห่งนักล่าอสูรได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร…
แสงไฟคบเพลิงสว่างไสวบนกำแพงหินสูงของพระราชวัง Vizima แสงสลัวของโคมไฟแกว่งไปมาตามแรงลมเย็นยามค่ำคืน Geralt และ Vesemir มาถึงหน้าประตูใหญ่ของพระราชวัง สองนักล่าอสูรถูกทหาร Nilfgaard ในชุดเกราะสีดำมันวาวพาไปยังห้องโถงใหญ่ที่ปูด้วยพรมสีแดงเลือดและประดับด้วยธงตราราชสีห์ทองของ Nilfgaard
เสียงก้าวเท้าของทหารดังก้องไปทั่วโถง ก่อนที่ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่จะเปิดออก เผยให้เห็นบัลลังก์สูงที่นั่งอยู่โดยชายผู้หนึ่ง—เขาคือ Emhyr var Emreis จักรพรรดิแห่ง Nilfgaard ผู้ปกครองด้วยอำนาจและความเด็ดขาด เขาจ้องมอง Geralt ด้วยสายตาเย็นชาและทรงพลัง ราวกับรู้เห็นความคิดของนักล่าอสูรแต่ละอย่าง
“Geralt of Rivia” เสียง Emhyr ดังสะท้อนโถง “เจ้าถูกเรียกมาที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงหนึ่งเดียว – หญิงสาวผู้หายตัวไป… Ciri”
Geralt นิ่งสงบ แม้ภายในจะตื่นตระหนกเมื่อได้ยินชื่อ Ciri จากจักรพรรดิ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นบิดาที่แท้จริงของเธอ Emhyr อธิบายว่า Ciri คือเป้าหมายของ Wild Hunt และเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้—เพราะเธอมี Elder Blood เลือดแห่งพลังโบราณที่สามารถเดินทางข้ามมิติได้
เขาเสนอรางวัลแก่ Geralt หากเขายอมรับภารกิจค้นหา Ciri และนำเธอกลับมา ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะความรักบิดาที่ซ่อนเร้นเท่านั้น แต่ยังเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของ Nilfgaard ด้วย Geralt ยอมรับข้อเสนอเพราะเขารู้ว่าความปลอดภัยของ Ciri ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด
Geralt ออกจาก Vizima พร้อม Roach คู่ใจและแผนที่ที่ Emhyr มอบให้ เขาต้องเดินทางสู่ Velen หรือที่รู้จักกันในชื่อ No Man’s Land – ดินแดนที่ถูกสงครามทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง หมู่บ้านร้างถูกเผา เหล่าผู้รอดชีวิตต้องหลบซ่อนจากทหาร ป่าไม้เต็มไปด้วยศพแขวนคอและเสียงกรีดร้องของผู้ถูกทรมาน
เมื่อเข้าสู่ Velen Geralt พบกับชาวบ้านที่อดอยากและหวาดกลัว เขาพบซากศพที่ถูกแขวนคอบนต้นไม้เรียงรายจนดูเหมือนประติมากรรมแห่งความตาย และซากหมู่บ้านที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เสียงลมพัดพาเถ้าถ่านลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนคำสาปจากเหล่าผู้วายชนม์
ในใจกลาง Velen Geralt ได้พบกับชายผู้หนึ่งซึ่งมีฉายาว่า Bloody Baron หรือ Philip Strenger เจ้าแห่งปราสาท Crow’s Perch แม้จะมีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม แต่เขาอาจถือเบาะแสของ Ciri Geralt จึงเข้าไปเจรจาในปราสาทที่มีกำแพงสูงและคูเมืองลึก
Bloody Baron ยอมบอกเบาะแสของ Ciri แต่มีข้อแลกเปลี่ยน เขาต้องการให้ Geralt ช่วยตามหาภรรยาและลูกสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับในคืนฝนตก Geralt จึงต้องเข้าไปสืบสวนภายในหมู่บ้านร้างและป่าลึกอันเต็มไปด้วยปีศาจแห่ง Velen
ในการตามหาเบาะแสของครอบครัว Bloody Baron Geralt ได้พบกับ The Crones – แม่มดโบราณสามนางผู้ปกครอง Crookback Bog พวกเธอคือผู้ใช้เวทย์มนตร์ดำที่สยองขวัญ มีรูปร่างประหลาด นัยน์ตาที่มืดดำ และเสียงหัวเราะเยือกเย็น Crones เล่าถึง Ciri ที่ครั้งหนึ่งเคยหลบหนีเข้ามาในป่าและถูกพวกเธอพบ พวกเธอให้เบาะแสใหม่ว่าหลังจากหนีจาก Crookback Bog, Ciri อาจเดินทางไปยัง Novigrad
คืนหนึ่งขณะที่ Geralt พักแรมในป่า เสียงกระซิบแปลกประหลาดดังแทรกผ่านความเงียบสงัด เขาฝันเห็น Ciri ถูกไล่ล่าโดย Wild Hunt บนผืนหิมะสีขาวโพลน เสียงเกราะกระทบหิมะ เสียงกรีดร้อง และเงาดำของ Eredin ที่ราวกับจะเอื้อมมาจากฝันเพื่อคว้าตัวเขา Geralt ตื่นขึ้นกลางดึก หอบหายใจด้วยความหวาดหวั่น ความรู้สึกว่าเวลาของ Ciri กำลังหมดลง ทำให้เขาต้องเร่งเดินทางต่อไป
ดวงตะวันคล้อยต่ำ เหลือเพียงแสงสีส้มอาบท้องฟ้าเหนือ Velen Geralt ควบม้าคู่ใจ Roach ผ่านทุ่งรกร้างที่เต็มไปด้วยซากศพและเสียงคร่ำครวญของผู้สูญเสีย ในใจของเขามีเพียงภาพของ Ciri ที่ยังคงถูก Wild Hunt ตามล่า เส้นทางที่เขาต้องเลือกต่อไปคือ Novigrad – เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวใจแห่งการค้า เวทย์มนตร์ และการสมคบคิด
เมื่อ Geralt และ Roach ผ่านประตูเมือง Novigrad เสียงชีวิตในเมืองใหญ่ก็ดังก้องรอบตัว ผู้คนเดินขวักไขว่ ตลาดเต็มไปด้วยเสียงตะโกนขายของ และกลิ่นหอมของขนมปังอบกับเนื้อย่าง ทว่าใต้ความคึกคักนั้นกลับซ่อนเงามืดของความหวาดกลัว การล่าพ่อมดแม่มดกำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรง พวก Witch Hunters ในชุดหนังสีแดงและสัญลักษณ์ไม้กางเขนกำลังเดินลาดตระเวน ค้นหาและลากผู้ต้องสงสัยไปเผาทั้งเป็นในจัตุรัสกลางเมือง
Geralt เดินอย่างระวังสายตา มองเห็นความหวาดหวั่นของผู้คนที่แอบกระซิบกันเกี่ยวกับ Hierarch Hemmelfart ผู้นำศาสนาที่ประกาศสงครามกับเวทย์มนตร์ และข่าวลือเกี่ยวกับ King Radovid V แห่ง Redania ผู้มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมและนโยบายต่อต้านเวทย์มนตร์ที่เข้มงวด
ในตรอกแคบแห่งหนึ่ง Geralt ได้พบกับผู้หญิงผมแดงผู้คุ้นเคย—Triss Merigold จอมเวทย์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทและคนรักของเขา Triss เล่าให้ Geralt ฟังว่า Novigrad กลายเป็นนรกสำหรับผู้ใช้เวทย์มนตร์ พ่อมดแม่มดถูกจับและฆ่าโดย Witch Hunters นางกำลังซ่อนตัวและช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วยความลับ
Triss บอกว่าเธอมีเบาะแสของ Ciri แต่ยังไม่สามารถบอกได้จนกว่า Geralt จะช่วยเหลือเหล่าพ่อมดแม่มดที่ติดกับดักอยู่ในเงื้อมมือของพวก Hunters การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่ง่าย Geralt ต้องแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายลับของพวก Hunters ต่อสู้กับทหาร และนำผู้ลี้ภัยออกมาอย่างปลอดภัย
ยามค่ำคืน Geralt และ Triss นำกลุ่มผู้ลี้ภัยซ่อนตัวเข้าไปในโกดังเก็บสินค้าร้างที่อยู่ใกล้ท่าเรือ พวกเขาต้องเผชิญกับทหารติดอาวุธหนัก ไฟฉายส่องไปทั่ว ลมพัดกลิ่นควันไฟจากกองเพลิงที่เผาผู้ต้องสงสัยเป็นเถ้าถ่าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
Triss ใช้เวทย์มนตร์เพื่อเปิดประตูหนี ขณะที่ Geralt ต้องต่อสู้กับทหารในเงามืด เสียงดาบเงินกระทบกับโล่ เสียงร้องโหยหวน และเสียงหัวใจเต้นแรงของผู้ลี้ภัยทำให้ฉากนี้ดั่งอยู่กลางสนามรบ พวกเขาหนีออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับความหวังใหม่สำหรับผู้ที่ถูกล่า
Triss เปิดเผยว่า Ciri เคยติดต่อกับ Dandelion หรือ Jaskier กวีหนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของ Geralt Dandelion หายตัวไปหลังจากที่ Ciri ฝากข้อความไว้กับเขา Geralt ต้องไปที่ Rosemary and Thyme โรงเตี๊ยมที่ Dandelion เป็นเจ้าของ แต่กลับพบเพียงโรงเตี๊ยมที่รกร้างและข่าวลือว่ากวีหนุ่มถูกจับตัวไปเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏ
Geralt ต้องแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายของ Whoreson Junior และแก๊งอาชญากรที่มีอำนาจในเมืองใหญ่ ค้นหาตัว Dandelion และเบาะแสของ Ciri ในโลกที่เต็มไปด้วยการทรยศและแผนการลับ เขาต้องตัดสินใจว่าจะใช้ความรุนแรงหรือการเจรจาเพื่อเอาตัวรอด และต้องเผชิญกับคำถามที่ยากที่สุด – การเสียสละเพื่อผู้อื่นคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่
เมื่อแสงไฟของ Novigrad ส่องสว่างยามค่ำ Geralt ยืนอยู่บนดาดฟ้าของ Rosemary and Thyme มองเห็นควันที่ลอยขึ้นจากกองเพลิงที่ไล่เผาผู้ใช้เวทย์มนตร์ ความหวังของการตามหา Ciri ยังคงเลือนราง เสียงกีตาร์ของ Dandelion ที่เคยบรรเลงกลับเงียบงัน เหลือเพียงเสียงกระซิบของโชคชะตาที่บอกว่าเรื่องราวนี้เพิ่งจะเริ่มต้น…
เมื่อแสงสีทองของตะวันลับขอบฟ้า เหลือเพียงเปลวไฟสลัวจากตะเกียงบนถนนหินกรวดใน Novigrad เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและความลับดำมืด Geralt of Rivia ยังคงเดินตามเบาะแสของ Ciri หญิงสาวผู้เป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของเขา หลังจากช่วย Triss Merigold และเหล่าผู้ลี้ภัยจากเงื้อมมือของ Witch Hunters เขาก็ได้ข้อมูลสำคัญว่า Ciri เคยฝากข้อความไว้กับ Dandelion กวีหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา
Geralt มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยม Rosemary and Thyme ที่ Dandelion เคยเป็นเจ้าของ แต่แทนที่จะพบเพื่อนเก่ากลับพบเพียงกลุ่มอันธพาลที่ยึดครองโรงเตี๊ยมและทำลายบรรยากาศแห่งดนตรีและความสุขจนเหลือเพียงเศษซาก เศษแก้วและคราบเลือดเปื้อนพื้นไม้ กลิ่นเหล้าหมักค้างคืนยังคงอบอวลในอากาศ
หลังจากจัดการกับกลุ่มอันธพาล Geralt ได้พบกับ Zoltan Chivay เพื่อนคนแคระนักรบผู้ซื่อสัตย์ที่มาพร้อมข่าวร้าย Dandelion หายตัวไปหลายสัปดาห์หลังจากที่เขาเริ่มสอบสวนเรื่องของ Ciri ข่าวลือบอกว่าเขาถูกจับโดยหนึ่งในสี่จ้าวอาชญากรรมของ Novigrad ผู้มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี… Whoreson Junior
Whoreson Junior หรือที่รู้จักในชื่อ Cyprian Wiley เป็นหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดใน Novigrad เขาควบคุมธุรกิจผิดกฎหมายแทบทุกอย่าง ตั้งแต่บ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ จนถึงการทรมานผู้คนเพื่อความบันเทิง Geralt ตัดสินใจสืบหาตัวเขาผ่านเครือข่ายของพวกนักเลงและบ่อนเถื่อนที่กระจายอยู่ทั่วเมือง
การตามหานี้ไม่ง่ายเลย Geralt ต้องสวมบทนักสืบ เข้าตรวจสอบบ่อนการพนันสุดโสมม โรงซ่องสกปรก และคฤหาสน์ลับที่ซ่อนความโหดร้ายไว้ภายใน เสียงร้องโหยหวนของเหยื่อ เสียงหัวเราะของผู้ทรมาน และกลิ่นคาวเลือดทำให้เขาขบกรามแน่นในความมืด
เมื่อ Geralt พบกับ Whoreson ในคฤหาสน์ใหญ่ เขาเผชิญหน้ากับการต่อสู้ดุเดือดกับลูกสมุนติดอาวุธหลากหลายแบบ เสียงดาบปะทะ เสียงปืนไฟและเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วคฤหาสน์ เงาไฟจากตะเกียงบนผนังเต้นระบำท่ามกลางความโกลาหล Geralt ต้องใช้ Signs เช่น Aard และ Igni เพื่อสยบศัตรู และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อตัดสินใจในแต่ละวินาที
ในที่สุดเขาก็เผชิญหน้ากับ Whoreson Junior ผู้ซึ่งสิ้นท่าต่อคมดาบเงิน Geralt ยื่นคำถามเพื่อล้วงความจริงเกี่ยวกับ Ciri การขู่เข็ญและการทรมานทำให้ Whoreson ยอมปริปากออกมาว่า Ciri เคยปรากฏตัวที่นี่ แต่เธอหนีไปหลังจากทำลายการ์ดหลักของเขาและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ก่อนหายตัวไป
ในขณะที่สืบสวนเพิ่มเติม Geralt ได้พบกับ Sigismund Dijkstra อดีตหัวหน้าสายลับแห่ง Redania ผู้ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรของ King Radovid Dijkstra ให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับแผนการลับของราชาและการสมคบคิดภายในเมือง Novigrad รวมถึงความเกี่ยวข้องของ Dandelion และ Ciri กับแผนการนี้
Dijkstra เสนอความช่วยเหลือเพื่อแลกกับการช่วยเหลือในอนาคต การตัดสินใจของ Geralt ว่าจะร่วมมือกับเขาหรือไม่จะเปลี่ยนเส้นทางของเรื่องราวในอนาคต
ภารกิจตามหา Ciri นำ Geralt ไปสู่ทางเลือกที่ซับซ้อนและอันตราย เขาไม่เพียงต้องตัดสินใจว่าจะเชื่อใจ Dijkstra หรือไม่ แต่ยังต้องเผชิญกับการตัดสินใจว่าจะฆ่า Whoreson Junior เพื่อความยุติธรรมหรือปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อความสมดุลของอำนาจในเงามืดของ Novigrad
เสียงลมหนาวพัดผ่านตรอกแคบของ Novigrad แสงไฟจาก Rosemary and Thyme ส่องไหววูบเหมือนเตือนถึงเงามืดที่กำลังเข้ามาใกล้ Geralt ยืนอยู่บนสะพานมองไปยังแสงไฟของเมืองใหญ่ ในใจของเขายังเฝ้าถามว่า Ciri อยู่ที่ไหน? และเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรต่อไปเพื่อช่วยหญิงสาวที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ…
เสียงคลื่นกระทบโขดหินดังก้องทั่วท่าเรือ Novigrad ขณะที่ Geralt of Rivia ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือสำเภาขนาดใหญ่ เรือแล่นออกจากท่า ฝ่าสายลมและคลื่นสูงสู่ดินแดนอันห่างไกลที่รู้จักกันในนาม Skellige Isles ดินแดนแห่งนักรบ ชนเผ่าโบราณ และธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้
Geralt มองออกไปยังขอบฟ้าที่มืดครึ้ม พายุซัดคลื่นสูงขึ้นจนท้องเรือโยกไหว เสียงฟ้าร้องและลมพัดแรงดั่งจะพัดพาเรือทั้งลำให้จมหายไปในห้วงสมุทร แต่ Roach ม้าคู่ใจยังคงนิ่งสงบในใต้ท้องเรือ ราวกับรับรู้ถึงความมุ่งมั่นของเจ้านาย เมื่อเรือเข้าใกล้ชายฝั่ง Skellige หน้าผาสูงตระหง่านและยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนก็เผยตัว เสียงนกทะเลร้องโหยหวนต้อนรับผู้มาเยือนใหม่
Geralt มาถึง Kaer Trolde ปราสาทบนยอดเขาที่ปกครองโดยราชาแห่ง Skellige เขาพบกับ Yennefer of Vengerbergจอมเวทย์หญิงผู้เป็นรักแท้ของเขา Yennefer สวมชุดดำผ้ากำมะหยี่ที่ตัดกับผิวขาวและดวงตาสีม่วงอมฟ้า เธอรอ Geralt อยู่พร้อมกับข่าวด่วนเกี่ยวกับ Ciri
Yennefer บอกว่าเธอได้สืบพบเบาะแสของ Ciri ใน Skellige—Ciri ถูกพบครั้งสุดท้ายที่หมู่บ้าน Hindarsfjall ที่ตั้งอยู่ริมทะเล แต่หลังจากนั้นเธอหายตัวไปท่ามกลางเสียงคำรามของพายุและข่าวลือเกี่ยวกับการปรากฏตัวของ Wild Hunt บนเกาะ
Geralt และ Yennefer เข้าร่วมการประชุมสภานักรบของ Skellige หลังการเสียชีวิตของ ราชา Bran ผู้นำคนก่อน ที่นี่ Geralt ได้พบกับ Crach an Craite และลูกชายลูกสาวของเขา—Hjalmar และ Cerys ผู้มีความมุ่งมั่นและจิตใจนักรบ สภากำลังเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งราชา ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตของ Skellige และพันธมิตรที่ Geralt อาจต้องการในภายหน้า
Geralt และ Yennefer มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน Hindarsfjall ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายและลมหนาวที่โหมกระหน่ำ หมู่บ้านถูกทิ้งร้างเกือบทั้งหมด หลังการโจมตีของ Wild Hunt บ้านเรือนพังยับ ซากศพและรอยเท้าขนาดใหญ่ยังคงอยู่เป็นพยานถึงเหตุการณ์รุนแรง Geralt พบเบาะแสที่ Ciri ทิ้งไว้ในโบสถ์เล็กกลางหมู่บ้าน และคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่ยืนยันว่า Ciri ถูกล่าหนีไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ในขณะที่ทั้งคู่เตรียมออกเดินทาง Yennefer ใช้เวทย์ Divination เพื่อค้นหาเส้นทางที่ Ciri หนีไป นางเรียกพลังแห่งสายลมและสายฟ้า ประกายแสงสีม่วงฟ้าแผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้าน Geralt เฝ้าดู Yennefer อย่างเงียบงัน รู้สึกถึงความมุ่งมั่นและความรักที่เธอมีต่อ Ciri แต่ผลจากเวทย์กลับเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจ—Ciri กำลังหนีจาก Wild Hunt ที่ยังคงตามล่าอย่างไม่ลดละ และเส้นทางของเธอนำไปสู่ความลับที่ลึกเกินกว่าที่ Geralt คาดคิด…
คืนนั้น Geralt และ Yennefer นั่งอยู่ริมหน้าผาที่มองเห็นทะเลคลื่นซัด ดวงดาวพร่างพรายเหนือศีรษะ ลมหนาวพัดแรง แต่ความเงียบระหว่างทั้งคู่กลับอบอุ่น Yennefer เอ่ยถามเสียงเบา “เธอจะตามหา Ciri ไปจนถึงที่สุดใช่ไหม”
Geralt พยักหน้าช้าๆ “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร… ฉันจะไม่หยุด”
คำสัญญาอันเงียบงันที่ทั้งคู่ให้กันในคืนนั้น คือแรงผลักดันให้การเดินทางของพวกเขาเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางเงามืดที่ซ่อนความลับเกินกว่าใครจะคาดเดา
เสียงลมพัดแรงขึ้นอีกครั้ง คลื่นกระแทกโขดหินจนเกิดประกายสีขาว Geralt มองไปยังขอบฟ้าอันมืดมิด เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล และที่ปลายทางของการเดินทางนี้ อาจไม่ใช่เพียงการได้พบกับ Ciri แต่ยังหมายถึงการเผชิญหน้ากับความจริงที่เขาอาจไม่ต้องการรู้…
รุ่งเช้าเหนือ Skellige ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาหนัก เสียงสายลมคำรามดั่งสัตว์ร้ายบนหน้าผาสูงชัน Geralt และ Yennefer ยังคงตามรอย Ciri ผ่านภูมิประเทศที่ยากลำบากของหมู่เกาะ Skellige จนมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ บนเกาะ Hindarsfjall ที่กลายเป็นเมืองร้างหลังการบุกโจมตีของ Wild Hunt
Geralt สังเกตเห็นซากบ้านที่ถูกไฟไหม้จนเหลือแต่โครงไม้ ดินแฉะชุ่มด้วยเลือดที่แห้งกรังและหิมะที่เปลี่ยนเป็นสีเทา เสียงลมพัดผ่านรอยแตกของหน้าต่างและประตูที่หักพังเหมือนเสียงกระซิบของวิญญาณ เสียงก้าวเท้าของ Geralt และ Yennefer ดังสะท้อนท่ามกลางความเงียบรอบตัว พวกเขาตรวจสอบร่องรอย พบอักษรรูนโบราณที่ถูกเขียนด้วยเลือดบนกำแพง ร่องรอยเวทย์มนตร์โบราณ และรอยเท้าของ Ciri ที่พาไปสู่ป่าลึก
เมื่อ Geralt และ Yennefer เดินตามรอยเท้าเข้าไปในป่าหิมะ พวกเขาได้พบกับ Wild Hunt ที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกและแสงสีฟ้าเย็นยะเยือก เงาร่างในชุดเกราะน้ำแข็งของพวกมันสะท้อนกับหิมะ Geralt คว้าดาบเงินและร่าย Quen เพื่อป้องกันตัว ขณะที่ Yennefer เรียกเวทย์ไฟ Igni สร้างเปลวเพลิงกลางพายุหิมะ
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด Geralt ใช้ความเร็วและทักษะหลบหลีก สวนกลับด้วยดาบและ Signs ในขณะที่ Yennefer ปกป้องเขาด้วยคาถาและสายฟ้า เสียงโลหะกระทบกับโล่ เสียงคำรามของปีศาจน้ำแข็ง และเสียงกรีดร้องของพวก Wild Hunt ผสานเป็นเสียงดนตรีแห่งสงคราม
หลังจากเอาชนะเหล่า Wild Hunt ที่เฝ้ารอ Geralt และ Yennefer ในป่า พวกเขาพบกับซากโบราณสถานที่ถูกซ่อนอยู่ในหิมะ Yennefer ใช้เวทย์มนตร์เปิดประตูศิลาโบราณเผยให้เห็นสัญลักษณ์ของ Elder Blood ที่เปล่งประกายสีแดงสด และตำราบันทึกโบราณที่เล่าถึงสายเลือดโบราณของ Ciri
Elder Blood หรือ Hen Ichaer เป็นสายเลือดโบราณที่มาจากผู้ปกครองเก่าแก่แห่ง Aen Elle ซึ่งสามารถเดินทางข้ามมิติและควบคุมพลังที่เกินจินตนาการได้ ความจริงอันน่าตกใจคือ Wild Hunt ไม่ได้เพียงแค่ตามล่า Ciri แต่พวกเขาต้องการควบคุมพลังของ Elder Blood เพื่อนำโลกเข้าสู่ยุคใหม่แห่งน้ำแข็งและความมืดมิด
ในความเงียบสงัดของโบราณสถาน Yennefer ใช้เวทย์มนตร์ดึงเศษความทรงจำที่ยังคงอยู่ในอากาศ รอยภาพลางของ Ciri ปรากฏขึ้น เธอกำลังหนี Wild Hunt ผ่านประตูมิติที่เปิดขึ้นกลางพายุหิมะ เสียงกรีดร้องของเธอผสานกับเสียงคำรามของลมแรง ทำให้ Geralt กำมือแน่น
“เราต้องหาทางไปที่นั่น” Yennefer กล่าว “ก่อนที่พวกมันจะได้เธอไป”
หลังจากค้นพบเบาะแสสำคัญ Geralt และ Yennefer กลับไปยัง Kaer Trolde เพื่อเตรียมการครั้งใหญ่ พวกเขาต้องรวบรวมพันธมิตรเพื่อป้องกัน Kaer Morhen ปราสาทของเหล่า Witcher จากการโจมตีของ Wild Hunt ที่คืบคลานเข้ามา
Geralt เริ่มส่งสารไปยัง Crach an Craite, Hjalmar, Cerys, และแม้แต่ Emhyr var Emreis ผู้เป็นจักรพรรดิที่มีผลประโยชน์ต่อ Ciri และโลกใบนี้ การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่กำลังใกล้เข้ามา
ยามค่ำคืนที่ Kaer Trolde ลมหนาวพัดโบกสะบัดผ้าคลุมสีดำของ Geralt ขณะที่เขายืนมองออกไปยังทะเลคลั่ง เสียงเพรียกจากห้วงมิติที่อยู่ไกลเกินเอื้อม และเสียงกระซิบของโชคชะตาที่กำลังเขียนเรื่องราวของ Ciri ก้องอยู่ในใจของเขา การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังมาเยือน และเขาจะต้องเตรียมพร้อมทั้งกายและใจเพื่อเผชิญหน้ากับมัน
ยามค่ำคืนเหนือ Skellige คลื่นลมยังคงโหมกระหน่ำ แต่ใจของ Geralt ไม่ได้หวั่นไหว เขายืนอยู่บนระเบียงสูงของ Kaer Trolde ข้างๆ Yennefer ทั้งคู่รู้ดีว่าเวลาของพวกเขากำลังจะหมดลง Wild Hunt กำลังเคลื่อนพล และ Ciri กำลังตกอยู่ในอันตรายที่ไม่มีใครคาดคิด เส้นทางเดียวที่เหลือคือการกลับไปยัง Kaer Morhen ปราสาทของเหล่า Witcher ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้าน และตอนนี้กำลังจะกลายเป็นป้อมปราการสุดท้ายของความหวัง
Geralt ส่งข่าวเรียกพันธมิตรจากทุกสารทิศ Crach an Craite ส่งลูกชาย Hjalmar และลูกสาว Cerys แห่ง Skellige พร้อมกับนักรบที่กล้าหาญ Vesemir และ Lambert สหายเก่าแห่ง Kaer Morhen รีบเดินทางกลับพร้อมกับ Eskel และแม้แต่ Zoltan Chivay และ Vernon Roche ก็ไม่ลังเลที่จะมาช่วยเหลือ
ภายในไม่กี่วัน Kaer Morhen ก็ถูกเปลี่ยนจากซากปรักหักพังอันเงียบสงบให้กลายเป็นค่ายทหารที่คึกคัก เต็มไปด้วยเสียงค้อนตอกไม้ เสียงเหล็กกระทบ และเสียงฝึกซ้อมของเหล่านักรบที่เตรียมพร้อมรับมือ Wild Hunt เสียงคำรามของพายุที่โหมกระหน่ำเข้ากับหน้าผาก็ไม่สามารถกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความมุ่งมั่นได้
Yennefer ใช้เวทย์มนตร์สร้างวงแหวนป้องกันเวทย์บนกำแพง Kaer Morhen ในขณะที่ Triss Merigold ช่วยเหลือด้วยการวางกับดักและสร้างโล่เวทย์ป้องกันสำหรับนักรบ Geralt กับ Vesemir ตรวจสอบเส้นทางรอบปราสาทและจุดอ่อน เสริมกำแพงด้วยไม้หนาและเหล็กแหลม พร้อมสร้างกับดักไฟและเส้นลวดหนาม
Eskel และ Lambert ฝึกการต่อสู้กับเหล่าทหาร Skellige และ Redanian ที่อาสามาช่วย Zoltan เตรียมอาวุธและลูกธนูอย่างละเอียด Vernon Roche กับทหาร Temerian ตั้งกองกำลังสนับสนุนด้านนอกเพื่อสกัดศัตรูที่อาจแทรกซึมเข้ามา ทุกคนทำงานด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความกลัว
กลางดึก Geralt ยืนอยู่บนกำแพงสูงของ Kaer Morhen มองออกไปยังขอบฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมู่ดาว สายลมพัดเส้นผมสีเงินของเขาไปตามแรงลม พลันประกายแสงสีฟ้าและม่วงปรากฏขึ้นกลางความมืด พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบา รอยแยกมิติเปิดขึ้นตรงหน้าประตูใหญ่ และ Ciri ปรากฏตัวขึ้นในแสงสว่างนั้น
Ciri ในสภาพเหนื่อยล้าแต่ยังเปี่ยมด้วยพลัง สวมชุดหนังสีเทาเงินที่เปื้อนดินและเลือด ผมสีขาวเงินเปียกโชกจากเหงื่อและน้ำตา เธอก้าวเข้ามาหา Geralt ที่ยื่นมือออกไป และเมื่อมือทั้งสองแตะกัน เบื้องหลังพวกเขาคือสายลมที่พัดแรงขึ้นราวกับท้องฟ้าเองก็ยอมรับการกลับมาของ Ciri
รุ่งเช้าเสียงคำรามของ Wild Hunt ดังขึ้นจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เงาร่างของอัศวินเกราะน้ำแข็งนำโดย Eredin Bréacc Glasปรากฏขึ้นกลางพายุหิมะ พวกมันร่ายเวทย์แช่แข็งทุกสิ่งที่ขวางทาง เสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้นทั่ว Kaer Morhen เหล่านักรบรีบเข้าประจำตำแหน่ง Geralt กระชับดาบเงินแน่น ในขณะที่ Ciri ยืนเคียงข้างเขา
Yennefer และ Triss ร่ายเวทย์เสริมกำแพง ในขณะที่ Eskel, Lambert และ Roche นำทัพต่อสู้กับกองทัพภูตน้ำแข็งและปีศาจที่ Wild Hunt ส่งมา การต่อสู้เริ่มขึ้นด้วยเสียงดาบปะทะ โลหะกระทบโล่ เสียงเวทย์ระเบิดดังก้องทั่วหุบเขา เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามของศัตรูสั่นสะเทือนผืนดิน
ในท่ามกลางสงคราม Vesemir ยอมเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือ Ciri จากการโจมตีของ Imlerith รองแม่ทัพของ Wild Hunt การเสียสละนี้ทำให้ Geralt และ Ciri ตกอยู่ในความเศร้าและความโกรธ Ciri ปลดปล่อยพลัง Elder Blood ที่ซ่อนอยู่ภายใน สร้างระลอกคลื่นเวทย์อันรุนแรงที่สั่นสะเทือนป้อมปราการ
การต่อสู้นี้ไม่เพียงแต่ทำลาย Wild Hunt จำนวนมาก แต่ยังเป็นการปลุกพลังที่แท้จริงของ Ciri ซึ่งจะเปลี่ยนชะตากรรมของโลกใบนี้
ควันไฟยังคงลอยขึ้นจาก Kaer Morhen ร่องรอยของสงครามยังคงปรากฏทั่วปราสาท แม้การโจมตีครั้งนี้จะถูกต้านไว้ได้ แต่ Geralt และ Ciri รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น Wild Hunt จะกลับมา… และครั้งต่อไปจะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง
ณ ขอบฟ้าที่มืดครึ้มเหนือซากกำแพง Kaer Morhen ควันไฟยังคงลอยสูง เสียงหอบหายใจของเหล่านักรบกลบเสียงลมหนาวแห่งชัยชนะที่แลกมาด้วยความสูญเสีย Geralt of Rivia ยืนอยู่หน้ากองเพลิงศพของ Vesemir ครู ผู้เป็นพ่อ และนักสู้ผู้อ่อนโยนที่จากไปในสงคราม
Ciri ยืนนิ่งข้างเขา ดวงตาที่เคยสดใสบัดนี้เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและพลังแห่ง Elder Blood ที่เธอไม่สามารถหลีกหนีได้อีกต่อไป เสียงของโชคชะตาดังก้องในหัวใจของเธอ: “เธอคือคนที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม”
หลังการรบใหญ่ Geralt กลับไปยัง Novigrad เพื่อสานต่อเรื่องที่เขาไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป—การเมืองที่ร้อนแรงและพันธมิตรที่เขาต้องเลือกให้ดี เพราะแต่ละคนล้วนมีเป้าหมายซ่อนเร้น การตัดสินใจหนึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรง หรือแม้แต่สงครามที่โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือน
ที่นั่น เขาพบกับ Sigismund Dijkstra อดีตหัวหน้าสายลับแห่ง Redania ผู้มีสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดลึกซึ้ง เขาเสนอพันธมิตรแก่ Geralt—เพื่อโค่นล้มราชาผู้บ้าคลั่งแห่ง Redania ผู้กำลังจุดไฟเผาโลกด้วยอุดมการณ์ของตนเอง
King Radovid V แห่ง Redania เคยเป็นชายผู้เฉลียวฉลาด แต่ในวันนี้ เขากลายเป็นเงาแห่งความหวาดกลัว ผู้ใช้ความรุนแรงเพื่อขจัดเวทย์มนตร์ เขาสั่งเผาจอมเวทย์ทุกคนในเมือง และสอดแนมประชาชนของตนเองด้วยเครือข่ายสายลับขนาดมหึมา
Dijkstra และพันธมิตรของเขา—รวมถึง Vernon Roche และ Thaler เสนอสัญญาแลกเปลี่ยนกับ Geralt: หากเขาช่วยโค่น Radovid จะได้รับการสนับสนุนจาก Redania และสร้างเสถียรภาพให้กับโลกหลัง Wild Hunt
Geralt ไม่ใช่นักฆ่าทางการเมือง แต่เขารู้ว่าโลกนี้ไม่ได้ถูกค้ำจุนด้วยดาบเพียงอย่างเดียว การปล่อยให้ Radovid ปกครองต่อไปคือการนำเวทมนตร์และมนุษย์เข้าสู่หายนะ Dijkstra จึงวางแผนล่อ Radovid ออกจากทัพ และใช้ Geralt เป็นตัวกลางนำเขาสู่กับดัก
เสียงของม้าสะท้อนบนสะพานหิน Radovid ปรากฏตัวในขบวนกษัตริย์สั้นๆ พร้อมการ์ดใกล้ชิด แต่กลับถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว Geralt และพันธมิตรต้องตัดสินใจอย่างเฉียบคม และลงมือในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทุกอย่างแขวนอยู่บนปลายดาบ
เมื่อ Radovid ล้มลง เสียงเพลิงสงบลง… แต่ความเงียบกลับไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุข
ในไม่ช้า Dijkstra เผยความทะเยอทะยานที่แท้จริง เขาไม่ได้ต้องการโลกที่สงบ… เขาต้องการครองมัน หลัง Radovid ล้มลง เขาเตรียมกวาดล้างพันธมิตรที่ไม่สวามิภักดิ์ โดยเริ่มจาก Roche และ Thaler Geralt จึงต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง:
นี่คืออีกหนึ่งการตัดสินใจที่ไม่มีคำว่า “ถูก” หรือ “ผิด”—มีเพียงผลลัพธ์ที่เปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์
ไม่ว่าการตัดสินใจของ Geralt จะเป็นเช่นไร โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
เสียงกระซิบของพ่อค้า นักบวช และแม่มดต่างพากันพูดถึง “ยุคใหม่หลังการล่มสลายของราชาเลือดเหล็ก” โลกกำลังเคลื่อนไปสู่จุดไคลแมกซ์ และ Geralt ก็เป็นคนกลางในทุกฝั่งของชะตากรรม
Geralt เดินกลับสู่ Rosemary and Thyme ในยามค่ำ แสงโคมสีส้มไหววูบริมถนน เสียงกีตาร์ของ Dandelion บรรเลงเพลงใหม่ เพลงที่พูดถึง “นักล่าอสูรผู้เดินระหว่างดาบและความฝัน” เสียงหัวเราะของผู้คนดังขึ้นรอบตัว แต่ Geralt กลับมองออกไปยังขอบฟ้าไกล
Ciri ยืนอยู่ตรงนั้น มองจันทร์ที่ลอยเด่นเหนือเมือง
“ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วใช่ไหม”
“ใช่” เขาตอบเบาๆ
ณ ค่ำคืนหนึ่งที่เงียบสงบ แสงจันทร์สาดลงบนผิวน้ำแห่ง Skellige สะท้อนระลอกคลื่นที่ไม่มีวันนิ่ง เสียงลมหอบพัดเข้าหาโขดหิน มันเหมือนโลกกำลังกลั้นหายใจ… เพราะ Geralt of Rivia รู้แล้วว่า เขาอยู่ใกล้คำตอบมากกว่าครั้งไหน ๆ
หลังจากการต่อสู้ที่ Kaer Morhen และการลอบสังหารที่ Novigrad ผ่านการสูญเสีย และการตัดสินใจที่ไม่อาจย้อนคืนได้—เขาพร้อมแล้วที่จะพบ Ciri ตัวจริง… ไม่ใช่เงาของอดีต ไม่ใช่ภาพความทรงจำ ไม่ใช่ข่าวลือที่เลือนลาง
Yennefer และ Triss ทำงานร่วมกันเพื่อเปิดประตูมิติที่เชื่อมไปยังเกาะลับในตำนาน — Isle of Mists เกาะที่ว่ากันว่าไม่ปรากฏบนแผนที่ใด ใครที่ไม่ถูกเชิญจะไม่มีวันเข้าถึงได้ Geralt ขึ้นเรือคนเดียว ฝ่าทะเลหมอกอันหนาทึบ เสียงเรือบดน้ำเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงของเขา
ทุกอย่างรอบตัวเงียบงันเกินจริง หมอกขาวปกคลุมท้องน้ำจนมองไม่เห็นขอบฟ้า เสียงกระซิบของความทรงจำล่องลอยในสายลม “ดูแลเธอแทนฉัน…” เสียงของ Vesemir ยังดังก้องอยู่ในใจเขา
เมื่อเรือกระทบชายฝั่ง เกาะหมอกก็ต้อนรับเขาด้วยความเงียบอย่างประหลาด เสียงฝีเท้าดังสะท้อนบนพื้นเปียกชื้น เขาค่อย ๆ สำรวจเส้นทางกลางป่าทึบ พบซากเรืออัปปาง และสิ่งปลูกสร้างที่หลบเร้น
กลางป่าลึก เขาพบ คนแคระกลุ่มหนึ่ง ที่อาศัยอยู่บนเกาะ พวกเขาเป็นคนที่ดูแล เด็กสาวผู้มากับแสงและเสียงฟ้า พวกเขาเตือน Geralt ว่า หากเขานำเธอออกไปจากเกาะ หมอกจะตามมาด้วย และภัยที่ยิ่งใหญ่กว่าก็จะตื่นขึ้น
Geralt ไม่ลังเล เขาเดินต่อ—และพบเธอ
ในกระท่อมไม้เล็ก ๆ ท่ามกลางหมอก Geralt พบ Ciri หลับอยู่บนเตียงไม้สีซีด ร่างของเธอซีดเซียวแต่ยังคงเปล่งประกายพลังบางอย่าง เธอเหมือนวิญญาณหลงทางที่เหนื่อยล้าจากการหนีมานานเกินไป
เขาค่อย ๆ นั่งลงข้างเธอ และเรียกชื่อเบา ๆ “…Ciri”
หญิงสาวลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีเขียวของเธอเบิกโพลงทันทีที่เห็นเขา เธอพุ่งเข้ากอด Geralt และร้องไห้ ไม่มีคำใดเอ่ย ไม่มีคำถาม มีเพียงอ้อมแขนที่บอกทุกอย่าง
“ขอโทษนะ… ที่ฉันหายไปนาน” เธอกระซิบ
ทันทีที่เธอลุกขึ้นจากเตียง เสียงคำรามของลมหมุนก็ดังขึ้น หมอกเริ่มขยับตัวราวกับสิ่งมีชีวิต เสียงหัวเราะเยือกเย็นของ Eredin แห่ง Wild Hunt ดังขึ้นลึกในจิต Geralt กำดาบเงินแน่น Ciri รู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป
พวกเขารีบออกจากเกาะ ก่อนที่มิติจะปิดตาย Geralt พา Ciri ขึ้นเรือมุ่งหน้ากลับสู่โลกแห่งมนุษย์ และในขณะที่หมอกค่อย ๆ กลืนเกาะทั้งเกาะกลับเข้าไปในความลึกลับนั้นเอง…
Ciri บอก Geralt ถึงสิ่งที่เธอได้เห็น—โลกอื่น ๆ ที่เธอเดินทางไป อนาคตที่ล่มสลาย ดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ปีศาจจากอีกมิติที่ต้องการร่างเธอเป็นสะพาน Ciri ไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป เธอคือกุญแจที่พวกมันต้องการเปิดมิติแห่งความมืด
และเธอ…ก็พร้อมที่จะหยุดมัน
Geralt และ Ciri กลับมาถึงฝั่ง เสียงนกร้องยามเช้าและลมหายใจอุ่นของผืนแผ่นดินต้อนรับการกลับมาของทั้งสอง Ciri ไม่ได้ยิ้มแบบเด็กอีกแล้ว แต่สายตาของเธอเปล่งประกายด้วยความตั้งใจแน่วแน่
นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งสุดท้าย
เมฆหมอกแห่งสงครามเริ่มเคลื่อนตัว เงาแห่งมิติเวลาบดบังแสงตะวัน ในน้ำเสียงของลมฟังคล้ายเสียงเตือนจากโชคชะตา… Ciri กลับมาแล้ว และ Geralt กำลังเดินเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
Geralt และ Ciri เดินทางกลับไปยัง Kaer Morhen เพื่อปรึกษากับ Yennefer, Triss และพันธมิตรทั้งหลาย เหล่า Witcher ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างต้อนรับการกลับมาของ Ciri ด้วยความเงียบและสายตาที่เข้าใจ พวกเขาเห็นแล้วว่าเด็กสาวผู้นั้นเติบโตเป็น “ผู้แบกภาระของโลก”
Yennefer รวบรวมพลังเวทย์ขั้นสูงสุด เปิดประตูสื่อสารกับพันธมิตรทั่วทั้งทวีป ทั้ง Emhyr var Emreis แห่ง Nilfgaard, Crach an Craite แห่ง Skellige, และแม้แต่กลุ่มผู้ลี้ภัยที่เคยได้รับความช่วยเหลือจาก Geralt ทุกคนถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง
กลางที่ประชุม ปรากฏชายชาวเอลฟ์ในชุดคลุมขาวสะอาด นัยน์ตาสีเงินสะท้อนเงาแห่งอดีต เขาคือ Avallac’h เอลฟ์โบราณจาก Aen Elle ผู้เคยเป็นอาจารย์ของ Ciri ในมิติเวลาอื่น
เขาเปิดเผยความจริงที่ไม่มีใครกล้าคิดถึง:
Wild Hunt ไม่ได้ไล่ล่า Ciri เพียงเพราะพลัง…
แต่เพราะเธอคือประตูสุดท้ายที่จะนำ White Frost—พลังแห่งการทำลายล้างทุกสิ่ง—เข้าสู่โลกมนุษย์
“เธอจะต้องเลือกว่า… จะปิดประตู หรือจะเปิดมันเสียเอง”
เพื่อหยุด Eredin Bréacc Glas Geralt, Ciri และพันธมิตรบุกเข้าสู่โลกของ Aen Elle ผ่านประตูมิติที่ Avallac’h เปิดขึ้น พวกเขาต้องเดินทางผ่านเมืองลอยฟ้าแห่งเผ่าเอลฟ์ ลัดเลาะทุ่งน้ำแข็งที่ไร้สิ้นสุด ฝ่าพายุแห่งกาลเวลา
ในแต่ละมิติ พวกเขาเผชิญกับกับดัก, ปีศาจโบราณ, และจิตสำนึกแห่งอดีต Ciri เรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของเธอ ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่ด้วยความรักที่เธอมีต่อโลก
ในที่สุด Geralt พบ Eredin บนเรือธงยักษ์กลางทะเลน้ำแข็ง ฟ้าคำรามดั่งประสานเสียงแห่งอวสาน น้ำแข็งแตกกระจายทุกก้าวที่ทั้งสองเดินเข้าหากัน
Eredin พูดเพียงประโยคเดียว—“โลกของพวกเจ้ากำลังจะสิ้นสุด และนั่นคือความเมตตา”
แล้วดาบของเขาก็สะบัดลง
Geralt ตอบด้วยความเงียบ ดาบเงินของเขาสะท้อนแสงดาว เสียงดาบฟาดฟันดังสู้กับเสียงฟ้าผ่า การต่อสู้ดำเนินไปท่ามกลางความหนาวเหน็บ ราวกับธรรมชาติกำลังหยุดหายใจเพื่อเฝ้าดู
ด้วยฝีมือ การหลบหลีก และเจตจำนงสุดท้าย… Geralt แทงดาบเข้าอก Eredin แสงสีฟ้าแตกกระจายเป็นละอองฝุ่น และเสียงสุดท้ายของกษัตริย์แห่งความมืดคือคำกระซิบว่า “ยังไม่จบ…”
เมื่อ Eredin ตาย Avallac’h ก็เผยความลับสุดท้ายว่า ภัยแท้จริงคือ White Frost เอง—ไม่ใช่คน ไม่ใช่กองทัพ แต่คือปรากฏการณ์มรณะที่ไหลผ่านจักรวาลต่าง ๆ ทำลายทุกชีวิตที่ขวางทาง
และมีเพียง Ciri คนเดียว… ที่สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางของ Frost เพื่อหยุดมันจากต้นตอ
Geralt ยืนอยู่ข้าง Ciri บนหน้าผาในโลกที่ถูกน้ำแข็งกัดกิน เขาไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้—เพราะนี่คือทางเลือกของผู้แบก Elder Blood
“ฉันจะไป” Ciri กล่าว
“ฉันรู้…” Geralt ตอบเบา ๆ
เธอยิ้ม ยิ้มที่เต็มไปด้วยแสงสุดท้ายของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กน้อยที่วิ่งเล่นใน Kaer Morhen และตอนนี้คือผู้หญิงที่ยืนต่อหน้าความตายเพื่อปกป้องทุกชีวิต
เสียงของโลกสงบนิ่งลงเมื่อ White Frost แผ่ขยายเข้าสู่มิติที่เปราะบาง Geralt มอง Ciri เดินห่างออกไปทุกก้าวด้วยหัวใจที่ไม่อาจห้าม เธอไม่ได้เป็นเด็กสาวผู้หนีอีกต่อไป แต่คือ หญิงสาวผู้เดินเข้าสู่ความตายอย่างรู้ตัว
ณ ใจกลางเทือกเขาโบราณที่ถูกน้ำแข็งกลืนกิน ปรากฏประตูเวทแห่ง Aen Elle ซึ่งนำสู่จุดกำเนิดของ White Frost
สายลมหนาวบาดผิวจนเลือดหยุดไหล ฟ้าหม่นและโลกทั้งใบเงียบงันจนแม้แต่ลมหายใจของ Geralt ก็เหมือนเสียงฟ้าร้อง
Ciri หันกลับมามองพ่อบุญธรรมของเธออีกครั้ง
“ไม่ต้องตามมานะ…”
Geralt พยักหน้าเงียบ ๆ เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น
Ciri ก้าวเข้าไปในประตูแห่งแสงสีขาว — และหายไป
Geraltนั่งรอที่ริมหน้าผา ท่ามกลางลมหิมะที่พัดเบา ๆ
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีเสียงจากอีกฟากของประตู
เพียงเงียบ…
เงียบจนกระทั่งคนที่ฟังนิยายนี้จะเริ่มถามตัวเองว่า Ciri ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ในจักรวาลของ Witcher 3 บทสรุปของ Ciri จะเปลี่ยนแปลงตามการตัดสินใจของผู้เล่น ทั้งคำพูดที่ Geralt ใช้, ความเชื่อใจที่มอบให้เธอ, และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก
Geralt จะกลายเป็นเงาของตนเอง—ตามหาดาบของเธอในซากปรัก และนั่งอยู่ในกระท่อมลำพัง ท่ามกลางเสียงหอนของหมาป่าคนเดียว
เสียงสุดท้ายของนิยายคือเสียงไฟในเตาผิง… และความว่างเปล่า
เธอกลับมา พร้อมเดินเข้าสู่ราชวังด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว
Geraltเฝ้ามองเธอจากมุมไกล ด้วยแววตาที่รู้ดีว่าเขาได้เสีย “ลูก” ไปอีกครั้งหนึ่ง
แต่โลก… ก็ได้ผู้นำหญิงผู้มีหัวใจของนักสู้
เสียงในนิยายจบด้วยเสียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนของบัลลังก์
เธอกลับมาในป่าแห่งหนึ่ง รอยยิ้มแรกของเธอเป็นรอยยิ้มที่โลกควรจะจดจำ
Geralt ยื่นดาบเงินเล่มใหม่ให้เธอ
สลักชื่อไว้ว่า… “Zireael” – นกน้อยในพายุ
นิยายจบด้วยเสียงหัวเราะของ Ciri และเสียงกระซิบของ Geralt:
“เอาล่ะ… เจ้าได้เวลาล่าอสูรแล้วล่ะ”
ไม่ว่าจะเลือกทางใด ทุกการเดินทางมีรอยเท้าแห่งความหมาย Geralt ไม่ได้เป็นแค่ Witcher ที่ไร้หัวใจ เขาคือพ่อ… คือผู้พิทักษ์… คือคนที่กล้ารักแม้ในโลกที่เย็นชา
และ Ciri… ไม่ใช่แค่เด็กสาวที่ถูกล่า
เธอคือ ความหวังเดียวของโลก
และเป็น หัวใจของคนที่กล้ารับผิดชอบโชคชะตาของตนเอง
ณ เวลาที่พายุของ Wild Hunt สลายตัว โลกเหมือนหยุดหายใจอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงค่อย ๆ หายใจเข้าใหม่—ช้า ๆ ลึก ๆ และเงียบงัน
แต่ละดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยเปลวไฟและเสียงกรีดร้อง… ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงนก เสียงคลื่น และเสียงของชีวิตธรรมดาที่ค่อย ๆ ฟื้นกลับมา
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ธรรมดาเลย… คือ ผู้คนที่เหลืออยู่
สำหรับ Yennefer of Vengerberg จอมเวทผู้เย็นชาแต่รักลึกซึ้ง เธอกลับไปยัง Aretuza เพื่อช่วยฟื้นฟูองค์กรของเหล่า Sorceress ที่เหลือรอดจากยุคแห่งการล่าแม่มด
หาก Geralt เลือกเธอเป็นคนรัก Yennefer จะกลับมาหาเขา พวกเขาจะใช้ชีวิตเงียบ ๆ ริมทะเลสาบเล็ก ๆ ที่ไม่มีอสูร ไม่มีเวทย์มนตร์ มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีก
ส่วน Triss Merigold หากเป็นเธอที่ Geralt เลือก เธอจะตั้งรกรากใน Kovir เป็นที่ปรึกษาเวทให้กับราชสำนัก และอาจเชิญ Geralt ไปใช้ชีวิตร่วมกันที่นั่น—ท่ามกลางแสงตะวัน หิมะ และชีวิตอันสงบงามของโลกที่ไม่ต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอด
ที่ Kaer Morhen ปราสาทที่เกือบกลายเป็นตำนาน Geralt ยังคงกลับมาทุกปี
ไม่ใช่เพื่อฝึกฝน แต่เพื่อ จำ
Eskel และ Lambert ถ้ายังมีชีวิต พวกเขายังคงล่าปีศาจเงียบ ๆ ตามเส้นทางของตนเอง
Kaer Morhen ไม่ใช่สถานที่สำหรับเหล่านักรบอีกต่อไป แต่มันกลายเป็น สุสานของความทรงจำ
ของ Vesemir
ของดาบที่หายไป
ของคำสัญญาที่ไม่เคยถูกเอ่ย
ณ Rosemary and Thyme โรงเตี๊ยมที่เคยสั่นคลอนจากไฟสงคราม บัดนี้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของบทเพลงใหม่
Dandelion ร้องเพลงที่ไม่มีใครลืม ชื่อเพลงว่า “นกน้อยในพายุ”
เพลงที่พูดถึงหญิงสาวผู้ต่อสู้กับโชคชะตา และชายผู้ไม่เคยทิ้งเธอไป
“เธอบินผ่านหมอกและน้ำแข็ง
ทิ้งรอยเท้าไว้ในหิมะ
เขาไม่ตามไปเพราะกลัว…
แต่เพราะเชื่อว่าเธอจะกลับมา”
แต่ไม่ว่าเส้นทางใดจะถูกเลือก
โลกของ Witcher… ไม่เคยเรียบง่าย
มันเต็มไปด้วย “สีเทา”
เต็มไปด้วย “การเลือก”
และเต็มไปด้วย “ร่องรอย” ที่ไม่มีวันหายไปจากหัวใจของผู้เดินผ่านมันมา
วันหนึ่ง Geralt ตื่นเช้าขึ้นในบ้านไม้เงียบ ๆ เขาเดินออกไปยังลานกลางป่า
ยืนมองแสงตะวันลอดผ่านหมอกจาง ๆ
เขาถอดดาบ
แล้ววางมันลงบนก้อนหินใหญ่
ไม่ใช่เพราะไม่มีอสูรอีกต่อไป
แต่เพราะบางที…
เขาได้ทำหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์” ครบแล้ว
Geralt of Rivia ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นนักล่า เขาได้รับยาจากห้องทดลอง
ได้รับแผลเป็นจากการฝึกที่ไม่มีใครผ่านพ้น
และได้รับภารกิจจากผู้ที่ไม่เคยใส่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไร
เขาคือ “สิ่งที่จำเป็น” ในโลกที่เปื้อนเลือด
แต่ระหว่างทาง…
เขา เลือกจะไม่เป็นเพียงอาวุธ
เขาเลือกจะรัก
เขาเลือกจะปกป้อง
เขาเลือกจะ “ไม่ฆ่า” เมื่อไม่จำเป็น
เขาเลือกจะเสียใจ และอยู่กับมัน
และนั่นแหละ… ที่ทำให้เขา “เป็นมนุษย์”
Ciri ไม่ได้เป็นแค่ “ลูกสาวของโชคชะตา”
เธอคือตัวแทนของวัยเยาว์ ความกลัว ความไม่เข้าใจโลก และความอยากเป็นตัวของตัวเอง
ในขณะที่คนรอบตัวบอกเธอว่าเธอมีหน้าที่
ว่าเธอต้องหนี
ว่าเธอมีพลังที่น่ากลัวเกินควร
เธอเลือกที่จะ หยุดวิ่ง
Ciri ยืนขึ้น เรียนรู้ และกลับมาหาพ่อผู้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ
เธอคือลูกของโลก
แต่เป็นผู้กำหนดโชคชะตาของตัวเอง
Witcher 3 ไม่เคยให้เรารู้ว่าเราทำถูกหรือผิด
ไม่เคยให้แสงสีดำหรือขาว
มันให้เราเลือกระหว่าง:
และสิ่งที่เกมทำได้ดีที่สุดคือ…
ไม่ตัดสินเรา
เหมือนชีวิตจริง ที่ไม่มีใครตบไหล่แล้วบอกว่า
“เธอเลือกถูกแล้ว”
Witcher ไม่ใช่แค่เรื่องของอสูร
แต่มันคือเรื่องของ “การเป็นมนุษย์ในโลกที่ไม่ให้เรารู้สึก”
Geralt เลือกจะเป็นคนดี ทั้งที่โลกบอกว่าไม่จำเป็น
เขาไม่สมบูรณ์แบบ
เขาทำพลาด
แต่เขา รับผิดชอบในทุกก้าวที่เขาเดิน
และนั่นแหละ…
คือสิ่งที่นิยายเรื่องนี้อยากบอกเรา
หากคุณเคยสงสัยว่า
“สิ่งที่เราทำในเกม มันจะมีผลอะไร?”
มีครับ
เพราะมันสอนว่า
เมื่อไม่มีใครเฝ้าดู
ไม่มีใครจำ
ไม่มีใครรู้ว่าเราทำอะไร
เรายัง “เลือกสิ่งที่ดี” ได้
เพราะในท้ายที่สุด…
คนที่ต้องอยู่กับการตัดสินใจนั้น… คือตัวเราเอง
🎧 ถ้าคุณหลงรักโลกของ Geralt และ Ciri
อย่าลืมกดติดตามเพลย์ลิสต์นิยายเสียงชุด The Witcher 3: Wild Hunt ของเรา
📍ทุกตอนเรียบเรียงใหม่อย่างละเอียด ครบตามเนื้อเรื่องหลักของเกม
พร้อมเสียงอ่านที่ทำให้คุณเหมือนอยู่ในโลกแห่งคอนติเนนต์
🗡️ ตอนต่อไป – การเดินทางสู่ Toussaint และบทสุดท้ายของ Geralt
กดติดตามไว้ แล้วเตรียมเดินทางต่อไปกับเขา…
ในบทที่แม้ไม่มีสงคราม
แต่เต็มไปด้วยความทรงจำ
🔔 ฟังตอนต่อไปได้เร็ว ๆ นี้ที่ช่อง นั่งฟัง นอนฟัง
ดื่มด่ำกับเรื่องราว Fantastic Beasts and Where to Find Them ฉบับนิยายเสียง พากย์ไทยเต็มอารมณ์ นิวท์ สคามันเดอร์ ประวัติศาสตร์ของ นิวท์ สคามันเดอร์
Zombie ผีดิบ: จากผีไร้วิญญาณสู่กระจกสะท้อนใจ | ประวัติ ความเชื่อ บทเรียนชีวิต ตำนานซอมบี้ ไม่ได้มีแค่ความสยอง… แต่มันคือบทเรียนลึกในใจมนุษย์ https://youtu.be/-0L5eGjftMQ จุดกำเนิดของซอมบี้ – จากวูดูถึงความเชื่อแห่งความตาย ก่อนจะมีหนังซอมบี้อันแสนดุเดือด