ประวัติศาสตร์ของ นิวท์ สคามันเดอร์
นิวท์ อาร์เทมิส ฟิโด สคามันเดอร์ (Newton Artemis Fido Scamander) เป็นชื่อที่เมื่อกล่าวถึงในโลกเวทมนตร์ ย่อมต้องนึกถึงชายหนุ่มผู้ถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ภายในคือโลกทั้งใบแห่งสัตว์วิเศษ เขาไม่ใช่พ่อมดนักรบ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์ผู้แข็งแกร่ง — แต่เขาคือผู้เปลี่ยนสายตาของโลกที่มองต่อสัตว์วิเศษไปตลอดกาล
นิวท์เกิดในปี ค.ศ. 1897 ในครอบครัวของพ่อมดแม่มดสายเลือดบริสุทธิ์ มีแม่ที่เพาะพันธุ์ฮิปโปกริฟเป็นอาชีพตั้งแต่เขายังเล็ก ทำให้เขาคลุกคลีกับสัตว์วิเศษมาตั้งแต่จำความได้ เขาเคยกล่าวไว้ว่า “สัตว์วิเศษเข้าใจผมมากกว่ามนุษย์เสียอีก”
เมื่ออายุได้ 11 ปี เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนฮอกวอตส์ และถูกจัดเข้าบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ซึ่งเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ อดทน และเมตตา คุณสมบัติที่นิวท์แสดงออกมาตลอดชีวิต
เขามีความสนใจในสัตว์วิเศษอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ปีแรกของการเรียน เขามักจะแอบออกไปเลี้ยงสัตว์ในป่าต้องห้าม และเคยถูกลงโทษเพราะเลี้ยงสัตว์วิเศษอันตรายในหอพัก แต่เขาก็ไม่เคยหยุดศึกษา จนกระทั่งได้รับโอกาสฝึกงานในกระทรวงเวทมนตร์แผนกสัตว์วิเศษ
จากนั้น นิวท์ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อสำรวจ จดบันทึก และรวบรวมข้อมูลของสัตว์วิเศษหลากหลายชนิด เขาได้พบสัตว์ที่ไม่มีใครเคยเห็น เช่น ธันเดอร์เบิร์ดในอียิปต์ ออกแล็ตตี้ในอินเดีย และอีรูมเพนต์ในแอฟริกา และเขาไม่ได้เพียงศึกษาพวกมัน — แต่ช่วยเหลือ รักษา และให้ที่อยู่ใหม่กับสัตว์ที่หลงทาง บาดเจ็บ หรือถูกล่า
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความเข้าใจและเมตตาที่เขามีให้กับสัตว์แต่ละตัว แม้แต่กับสัตว์อันตราย เขาก็มองเห็นคุณค่าของพวกมันในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว
ในปี ค.ศ. 1926 เขาเดินทางมาถึงนิวยอร์กเพื่อปล่อยแฟรงค์ ธันเดอร์เบิร์ดกลับสู่บ้านเกิด แต่กลับถูกพัวพันกับคดีออบสคูเรียล และการแฝงตัวของกรินเดลวัลด์โดยไม่ตั้งใจ เรื่องราวของเขากลายเป็นตำนานที่ไม่เพียงแต่เปลี่ยนใจผู้วิเศษใน MACUSA แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างผู้วิเศษกับสัตว์วิเศษทั้งโลก
หลังจากเหตุการณ์ที่นิวยอร์ก นิวท์กลับสู่ลอนดอนและเริ่มเขียนหนังสือ ‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’ ซึ่งกลายเป็นตำราหลักของโรงเรียนฮอกวอตส์และเลื่องชื่อไปทั่วโลกเวทมนตร์
เขาไม่ได้มองตัวเองเป็นฮีโร่ แต่ทุกการกระทำของเขาคือการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ด้วยความเข้าใจ…และหัวใจที่เมตตา
ภาคพิเศษ: บทบาทของนิวท์ในยุคของแฮร์รี่ พอตเตอร์
แม้นิวท์ สคามันเดอร์จะเป็นตัวละครในรุ่นก่อนแฮร์รี่ พอตเตอร์ถึงหลายสิบปี เรื่องราวของนิวท์เริ่มต้นที่ 1926 และเรื่องราวของ Harry Potter ภาคแรกเริ่มที่ 1991-1992 แต่ชื่อของเขายังคงถูกกล่าวถึงและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในยุคของแฮร์รี่ โดยเฉพาะผ่านหนังสือเล่มสำคัญที่เขาเขียน: “Fantastic Beasts and Where to Find Them” — ตำราหลักในรายวิชา Care of Magical Creatures ที่ฮอกวอตส์
หนังสือของนิวท์ไม่ได้เป็นแค่ตำราวิชาการธรรมดา หากเป็นคู่มือที่สะท้อนถึงความรัก ความเข้าใจ และมุมมองใหม่ต่อสัตว์วิเศษ เป็นหนังสือที่สอนให้เด็กๆ ไม่เพียงรู้จักวิธีป้องกันตัวจากสัตว์เหล่านี้ แต่ยังเรียนรู้ที่จะเคารพและอยู่ร่วมกับมันอย่างสันติ
นอกจากนี้ นิวท์ยังเคยได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาพันธ์พ่อมดสากล และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เมอร์ลิน ชั้นสอง จากการมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสัตว์วิเศษและยุติความเข้าใจผิดระหว่างสัตว์กับผู้วิเศษ
ในยุคของแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีการกล่าวถึงนิวท์และผลงานของเขาหลายครั้ง:
- ในห้องสมุดของฮอกวอตส์ หนังสือของนิวท์เป็นหนึ่งในเล่มที่ถูกยืมบ่อยที่สุด
- ในปีการศึกษาแรกของแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาได้รับหนังสือเล่มนี้เป็นตำราบังคับ และเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับอ่านล่วงหน้าไว้หมดก่อนเปิดเทอม
- ลูน่า เลิฟกู๊ด และพ่อของเธอ เซโนฟิเลียส เลิฟกู๊ด ต่างก็ชื่นชมแนวคิดของนิวท์อย่างสูง โดยเฉพาะในมุมที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีค่า
แม้ในช่วงยุคของสงครามพ่อมด นิวท์จะไม่ได้มีบทบาทโดยตรงในเนื้อเรื่องหลักของแฮร์รี่ แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือมรดกทางความคิดและแรงบันดาลใจ — โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า ‘ความเข้าใจ’ สำคัญกว่าการ ‘ควบคุม’
หลังสงครามพ่อมดสิ้นสุดลง และโลกเวทมนตร์เริ่มฟื้นตัว ชื่อของนิวท์กลับมาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเป็น Magizoologist หรือผู้ศึกษาและปกป้องสัตว์วิเศษ เช่นเดียวกับเขา
ชื่อของเขาถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ต่อสู้กับมืดมิดด้วยไม้กายสิทธิ์ — แต่เพราะเขาเปลี่ยนโลกด้วยหัวใจที่อ่อนโยนและดวงตาที่มองเห็นคุณค่าของทุกชีวิต
นิวยอร์ก…เมืองแห่งความลับและสัตว์วิเศษ
ในปี 1926 กลางมหานครนิวยอร์กที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน รถราง และเสียงหวูดเรือ มนตร์ขลังยังคงดำรงอยู่อย่างลับๆ ภายใต้เงาของตึกระฟ้า โลกของผู้วิเศษและมักเกิ้ลยังคงแยกจากกันอย่างเข้มงวด กฎแห่งกฎหมายเวทมนตร์ไม่อาจยอมให้ความลับรั่วไหลออกไปได้เลย
ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งริมแม่น้ำฮัดสัน…เสียงเครื่องยนต์เรือไอน้ำดังคลอเคลียกับเสียงคลื่นกระทบไม้ท่าเรือ หมอกหนาไหลเอื่อยเหนือผืนน้ำ ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งในเสื้อคลุมยาวสีฟ้าอมเขียวก้าวลงจากเรืออย่างเงียบงัน เขาถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ดูผ่านการเดินทางมาไม่น้อย
“นั่นเขาหรือเปล่า…คนอังกฤษที่ส่งชื่อเข้ามา?” เจ้าหน้าที่ศุลกากรคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ
ชายคนนั้นคือ ‘นิวท์ สคามันเดอร์’ พ่อมดหนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์วิเศษ สายตาเขาเปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเต็มไปด้วยความรักต่อสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในโลกใบนี้
ภายในกระเป๋าหนังของเขาไม่ใช่เพียงสัมภาระธรรมดา แต่คือโลกทั้งใบที่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษจากทั่วทุกมุมโลก — มีทั้งนกเรืองแสง ตัวกินเหล็ก งูบิน และสัตว์ในตำนานที่ไม่มีใครเคยเห็น
เมื่อเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก นิวท์หยุดพักที่สวนสาธารณะเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อดูแผนที่ จู่ๆ กระเป๋าของเขาก็ขยับเอง พร้อมเสียงกระทบโลหะเบาๆ “ติ๊ง! ติ๊ง!” ก่อนที่เจ้านัฟเฟลอร์ — สิ่งมีชีวิตขนปุกปุยสีดำ ตาโต นิสัยชอบของแวววาว — จะกระโจนออกมา
“เฮ้! กลับมา!” นิวท์ร้องเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งตามมันไปท่ามกลางฝูงชน
นัฟเฟลอร์วิ่งพุ่งเข้าไปในธนาคารกลางเมือง หยิบเหรียญและเครื่องประดับใส่กระเป๋าหน้าท้องของมันอย่างสนุกสนาน พนักงานธนาคารก็ตกใจ พยายามไล่จับโดยไม่รู้ว่าเจอกับอะไรอยู่
“ขอทางครับ! ขอทางหน่อย!” นิวท์เบียดผ่านคนเข้าไป ก่อนจะเปิดกระเป๋าและพยายามดึงนัฟเฟลอร์กลับเข้าไป แต่แล้วเขากลับสะดุดล้มชนกับชายอีกคนจนกระเป๋าทั้งสองหล่นกระจาย
“โอ๊ะ! โทษทีครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ชายอีกคนรีบเก็บกระเป๋าขึ้นมา เขาคือ ‘เจคอบ โควาลสกี้’ มักเกิ้ลธรรมดาผู้ฝันจะเปิดร้านเบเกอรี่ของตนเองในวันหนึ่ง
ก่อนที่นิวท์จะรู้ตัว เจคอบก็หยิบกระเป๋าผิดกลับไป และเมื่อกลับถึงบ้าน…เขาก็เปิดกระเป๋าใบนั้นออก
เสียงร้องแปลกๆ ดังออกมาทันที ตามด้วยกลิ่นหอมของต้นไม้ป่าชื้นและเสียงขู่ของสัตว์ป่า
“อ่า…นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” เจคอบถอยหลังด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสัตว์รูปร่างคล้ายกิ้งก่า แต่มีปีกโบยบินออกมาจากกระเป๋าอย่างสง่างาม
อีกฟากหนึ่งของเมือง ทีน่า โกลด์สตีน เจ้าหน้าที่ MACUSA กำลังจ้องมองภาพในลูกแก้วสอดแนมที่แสดงเหตุการณ์ในธนาคาร
“ชายคนนี้อีกแล้ว… เขาเอาสัตว์อะไรมาปล่อยในเมืองกันแน่?” เธอขมวดคิ้ว หยิบเสื้อคลุมขึ้น ก่อนจะเดินออกจากสำนักงานอย่างตั้งใจ
คืนวันนั้น เมืองนิวยอร์กไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป… สัตว์วิเศษทยอยหลุดออกจากกระเป๋าทีละตัว ปรากฏในสวนสาธารณะ บนหลังคา หรือแม้แต่ในสถานีรถไฟใต้ดิน
ในเงามืดที่ซ่อนอยู่ใต้ท้องถนน…บางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว พลังมืดกำลังก่อตัว — “ออบสคูเรียล” — มันไม่ใช่สัตว์ แต่มันรุนแรง อาละวาด และไม่มีใครรู้ว่ามันจะพาเมืองนี้ไปสู่หายนะเมื่อใด
และนี่…คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่นิวท์ สคามันเดอร์ไม่คาดคิด ว่าเพียงแค่การมาปล่อยสัตว์ตัวหนึ่ง…จะนำเขาไปสู่เหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกเวทมนตร์ตลอดกาล
สัตว์หลุด กับความลับที่ต้องปกปิด
ค่ำคืนที่แสนวุ่นวายยังไม่ทันจบลงดี นิวท์รีบรุดไปยังที่พักของเจคอบโดยใช้คาถา ‘Four-Point Spell’ เพื่อหาตำแหน่งกระเป๋าของตนเอง และเมื่อมาถึง…บ้านทั้งหลังของเจคอบก็แทบกลายเป็นสวนสัตว์มหัศจรรย์
“เฮ้! คุณเอาอะไรมาไว้ในกระเป๋านั่นกันแน่เนี่ย!” เจคอบร้องเสียงหลง พลางหลบเจ้าสัตว์ตัวเล็กที่กำลังปีนผนังห้องไปมา
“ใจเย็นครับ อย่าทำให้พวกมันตื่นตกใจ” นิวท์พูดเสียงเรียบขณะเปิดกระเป๋าออก แล้วค่อยๆ เรียกสัตว์แต่ละตัวกลับเข้าไป เขาหยิบขวดกลิ่นหอมออกมา ใช้ล่อเจ้า ‘มูนคาล์ฟ’ กลับเข้าไปก่อน ตามด้วย ‘โบวทรัคเกิล’ ที่เกาะนิ้วอยู่ไม่ยอมปล่อย
“นี่มัน…โลกใบเล็กในกระเป๋าเลยเหรอเนี่ย?” เจคอบถามขณะจ้องมองเข้าไปข้างใน กระเป๋านั้นดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีห้องเพาะพันธุ์สัตว์ พื้นหญ้าเขียวขจี น้ำตกเล็กๆ และกรงโปร่งใส
“ใช่ครับ…ที่นี่คือบ้านของพวกมัน” นิวท์ตอบ พร้อมแววตาอบอุ่น “ผมตั้งใจจะมาปล่อยสัตว์บางตัวคืนสู่ถิ่นเดิม แต่ตอนนี้เราอาจต้องร่วมมือกันก่อน”
เจคอบส่ายหน้าเบาๆ “ผมแค่อยากทำขนม…ไม่ใช่ไล่จับสัตว์วิเศษกลางเมืองนะ!”
แต่สถานการณ์กลับรุนแรงขึ้น — ทีน่าก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ใช้คาถาหยุดเจคอบกับนิวท์ พร้อมพูดเสียงเข้ม “พวกคุณสองคนต้องไปกับฉัน!”
ที่ MACUSA — กระทรวงเวทมนตร์กลางมหานครนิวยอร์ก — นิวท์และเจคอบถูกพาตัวไปยังห้องสอบสวน โดยทีน่ารายงานต่อมาดามพริเซียน่า ประธาน MACUSA ถึงเหตุการณ์สัตว์หลุดและความเสียหายที่เกิดขึ้น
“เขาทำให้สัตว์อันตรายหลุดกลางเมืองค่ะ และ…ยังพามักเกิ้ลเข้ามารู้เรื่องเวทมนตร์” ทีน่าชี้ไปที่เจคอบ ซึ่งตอนนั้นกำลังยืนกังวลกลางห้อง
นิวท์พยายามอธิบาย “สัตว์พวกนั้นไม่ใช่ภัย พวกมันแค่ตกใจและป้องกันตัวเท่านั้น…อันที่จริง สิ่งที่คุณควรกลัวคือออบสคูเรียลต่างหาก”
“ออบสคูเรียล?” เสียงพึมพำดังขึ้นรอบห้อง สายตาหลายคู่หันมามองด้วยความตื่นตระหนก
นิวท์อธิบายต่อ “มันคือพลังทำลายล้างที่เกิดจากเด็กพ่อมดแม่มดที่ต้องกดข่มเวทมนตร์ของตัวเอง…เมื่อพลังนั้นระเบิดออกมาโดยไร้การควบคุม มันสามารถทำลายตึกทั้งหลังได้ในพริบตา”
บรรยากาศในห้องประชุมหนักอึ้งขึ้นทันที
“และคุณคิดว่ามีออบสคูเรียลในนิวยอร์ก?” มาดามพริเซียน่าถามเสียงเยือกเย็น
“ไม่ใช่แค่คิดครับ…ผมมั่นใจว่ามี” นิวท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
ทันใดนั้น…เสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากใจกลางเมือง ตึกสูงพังทลาย เศษซากปลิวว่อน ผู้คนกรีดร้องวิ่งหนีตาย
“เริ่มแล้ว…” นิวท์พูดเบาๆ ขณะหันไปมองแสงสีดำที่พุ่งขึ้นท้องฟ้า
และนี่คือสิ่งที่เขากลัวที่สุด…พลังออบสคูเรียลที่กำลังตื่นขึ้นในนครแห่งนี้
แสงสีดำที่พุ่งขึ้นจากใจกลางเมืองดึงดูดสายตาทุกคนในห้องประชุม MACUSA ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนจะเริ่มต้นด้วยความโกลาหล
“ส่งทีมไปยังจุดระเบิดเดี๋ยวนี้!” มาดามพริเซียน่าตะโกน พลางชี้มือสั่งการกับเจ้าหน้าที่เวทมนตร์ที่ต่างลุกขึ้นพร้อมไม้กายสิทธิ์ในมือ
ทีน่าหันมามองนิวท์ด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย “คุณรู้ใช่ไหมว่าอะไรอยู่เบื้องหลังนี่?”
“ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้าของพลังนั้น แต่…ผมรู้จักพฤติกรรมของมันดี และเราต้องหยุดมันก่อนจะมีใครได้รับอันตรายมากกว่านี้” นิวท์กล่าวพร้อมหยิบกระเป๋าขึ้นมาเตรียมออกเดินทาง
กลางย่านถนนอิฐเก่า ซากอิฐกระจัดกระจาย แรงสั่นสะเทือนจากออบสคูเรียลยังคงส่งเสียงดังก้อง อาคารพังลงมาครึ่งหนึ่ง ทำให้เศษฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เจคอบมองไปรอบๆ ตกใจสุดขีด “นี่มัน…เกิดจากมนุษย์จริงเหรอ?”
นิวท์ตอบขณะเดินตรวจสอบซากอาคาร “มันเกิดจากบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในมนุษย์ครับ…บางสิ่งที่ถูกกดข่มไว้นานเกินไป”
ขณะที่ทีมของ MACUSA พยายามควบคุมสถานการณ์ ชายคนหนึ่งในเสื้อคลุมดำซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาคือ เพอร์ซิวาล เกรฟส์ – เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ดูเหมือนมีเป้าหมายบางอย่างมากกว่าการรักษาความสงบ
“ปล่อยให้มันเป็นไป…” เกรฟส์พูดกับตัวเองเบาๆ ขณะเฝ้ามองร่องรอยพลังอันมืดมิด ก่อนจะหันหลังและหายไปกับม่านหมอก
หลังเหตุการณ์สงบลง นิวท์ ทีน่า และเจคอบออกตามหาสัตว์วิเศษตัวที่เหลือ ซึ่งยังคงหลุดอยู่ในเมือง ภารกิจที่ดูเหมือนเรียบง่ายนี้กลับกลายเป็นการเดินทางผ่านทั้งตลาดมืดใต้ดิน สนามกีฬาเก่า และสวนสัตว์ร้าง
ที่สนามเบสบอลร้างกลางเมือง เจ้านกธันเดอร์เบิร์ด — สัตว์วิเศษปีกใหญ่กว้างกว่า 6 เมตร กำลังบินวนอยู่เหนือกรงเหล็กเก่า พายุเริ่มตั้งเค้า
“แฟรงค์! กลับมา!” นิวท์ร้องเรียกชื่อมันด้วยเสียงอ่อนโยน
ธันเดอร์เบิร์ดชะงักกลางอากาศ ก่อนจะร่อนลงมาเบาๆ ตรงหน้าชายหนุ่ม เจคอบมองด้วยความทึ่ง “เขาฟังคุณจริงๆ…”
“ผมช่วยชีวิตเขามาจากพวกค้าสัตว์เวทมนตร์ในอียิปต์ เขาจำได้ว่าใครไว้ใจได้” นิวท์ยิ้ม ก่อนจะลูบหัวมันเบาๆ แล้วชวนมันกลับเข้าไปในกระเป๋า
ค่ำนั้น ทีน่าพาพวกเขาไปที่บ้านของเธอ ที่นั่นควีนี่ โกลด์สตีน น้องสาวของทีน่าให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเฉพาะกับเจคอบ ซึ่งดูจะถูกดึงดูดด้วยความอ่อนโยนและเวทมนตร์ของควีนี่
“คุณอยากลองขนมมั้ยคะ? ฉันพอทำได้อยู่นะ” ควีนี่ถามยิ้มๆ ขณะร่ายคาถาทำครัวให้ลอยขึ้นมาทำงานเอง
“ว้าว…นี่แหละฝันของผมเลย” เจคอบหัวเราะ ก่อนจะเริ่มลืมความกลัวไปชั่วขณะ
ท่ามกลางคืนที่สงบชั่วคราว ทุกคนเริ่มคลี่คลายความกังวล แต่ลึกเข้าไปในเงามืด…พลังออบสคูเรียลยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
มันโกรธ เกรี้ยวกราด และกำลังมองหาเป้าหมาย
เด็กชายกับพลังที่ไร้การควบคุม
เช้าวันถัดมา เมืองนิวยอร์กดูเหมือนจะกลับสู่ภาวะปกติ…อย่างน้อยก็ในสายตาของชาวมักเกิ้ลที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมา แต่สำหรับผู้วิเศษ — ความเงียบนี้กลับเต็มไปด้วยความกังวล
ณ อาคาร MACUSA ความเคลื่อนไหวภายในกระทรวงเร่งรีบกว่าเคย เจ้าหน้าที่ต่างตรวจตรารายงานข่าวสาร เวทมนตร์ถูกใช้ซ่อมแซมถนนและอาคารที่เสียหาย แต่สิ่งที่ยังคงไม่มีใครเข้าใกล้ได้คือ — ต้นตอของพลังออบสคูเรียล
ในห้องเก็บบันทึกลับใต้ดิน นิวท์ ทีน่า และควีนี่กำลังศึกษาหลักฐานเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับพลังปริศนา
“เด็กชายที่ชื่อ ‘ครีเดนซ์’…” ทีน่ากระซิบพลางพลิกแฟ้ม “เขาอยู่ในการดูแลของแมรี่ ลู แบร์โบน หัวหน้ากลุ่ม Second Salemers”
ควีนี่หลับตา วางมือบนหน้าผากเบาๆ ใช้พลังสกัดความรู้สึก “เขา…กลัว…โดดเดี่ยว และถูกทำร้าย” เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ “เขาอาจเป็นคนที่เราตามหา”
“ไม่ใช่อาจครับ…เขาคือคนที่ใช่” นิวท์พูดชัดเจน “ผมเคยเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กที่มีออบสคูเรียลมาแล้วที่ซูดาน พวกเขาไม่ใช่ปีศาจ แต่พลังในตัวพวกเขา…ไม่ควรถูกกดข่ม”
คฤหาสน์เก่ากลางเมือง…กลุ่ม Second Salemers ซ่อนตัวอยู่ภายในรั้วสูง แมรี่ ลู แบร์โบน เป็นหญิงที่เคร่งศาสนาและเกลียดชังผู้วิเศษยิ่งกว่าอะไร เธอใช้ชีวิตเพื่อเปิดโปงเวทมนตร์ต่อสาธารณะ
“ครีเดนซ์! เอ็งอยู่ที่ไหน!?” เสียงแมรี่ ลู ดังลั่น
เด็กชายผิวซีดในชุดเก่าๆ โผล่ออกมาจากมุมห้อง มือซุกอยู่ในแขนเสื้อด้วยความหวาดกลัว เขาไม่ตอบ ไม่สบตา มีเพียงแววตาเศร้าที่เหมือนถูกบีบให้เงียบงันมาโดยตลอด
ครีเดนซ์ไม่ได้รู้ว่าตัวเองมีพลัง เขาคิดว่าตัวเองคือ ‘ความผิดปกติ’ ที่ต้องซ่อนเอาไว้ จนกระทั่งวันนั้น…เกรฟส์ปรากฏตัว
“ฉันรู้ว่ามีบางสิ่งในตัวเธอ” เกรฟส์กระซิบขณะย่อตัวลงตรงหน้าครีเดนซ์ “พลัง…ที่เกินกว่าคำสอนของนางแบร์โบนจะเข้าใจ”
“ผม…ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร” ครีเดนซ์หลบตา น้ำเสียงสั่น
“ฉันช่วยเธอได้นะ…” เกรฟส์ยื่นมือออกไปเบาๆ “แต่เธอต้องเชื่อใจฉัน”
ในขณะเดียวกัน นิวท์และทีน่าบุกเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อตามหาครีเดนซ์ แต่สายไป…ออบสคูเรียลตื่นขึ้นแล้ว
พื้นบ้านแตกกระจาย แรงคลื่นพลังระเบิดออกมาราวพายุ เงาดำพุ่งพรวดผ่านหน้าต่าง บิดเบี้ยวเหมือนหมอกที่มีชีวิต มันคือร่างของครีเดนซ์ที่กลายสภาพไปแล้วเต็มตัว
“หยุดก่อน! เราไม่ได้จะทำร้ายเธอ!” นิวท์ตะโกนไล่ตามไปกลางถนน
“อย่ามายุ่งกับผม!” เสียงออบสคูเรียลคำรามกลับมา แรงลมกระแทกใส่เขาจนล้มลง
เจคอบที่ตามมาสมทบยืนอ้าปากค้าง “นั่นเด็กคนเดียวเหรอ?”
“ไม่ใช่แล้ว…มันคือพลังที่เขาไม่รู้จัก ไม่ควบคุม และถูกหล่อหลอมจากความเจ็บปวด” นิวท์พึมพำ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยแววตาแน่วแน่
ขณะเดียวกัน เกรฟส์ที่เฝ้ามองจากตึกฝั่งตรงข้าม ยิ้มมุมปากเบาๆ “ดีมาก…ปลดปล่อยมันออกมา”
ค่ำวันนั้น นิวยอร์กปกคลุมด้วยเงามืดอีกครั้ง เหมือนเมืองทั้งเมืองตกอยู่ใต้ฝันร้าย ไม่มีใครคาดคิดว่าการตามหาสัตว์วิเศษจะนำไปสู่จุดนี้…
แต่สำหรับนิวท์ สคามันเดอร์ — เขาเชื่อว่ายังมีหนทาง เขาต้องหาทางช่วยครีเดนซ์ให้ได้ ก่อนที่ทั้งเมืองจะพังพินาศ
การไล่ล่ากลางนคร และการเปิดเผยตัวจริงของศัตรู
แสงจากออบสคูเรียลยังคงส่องฟ้าราวฟ้าผ่าไม่รู้จบ ร่างสีดำเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ ลัดเลาะผ่านซอยแคบ วิ่งผ่านหน้าร้าน ข้ามทางรถไฟ สร้างความเสียหายให้ทุกสิ่งที่มันแตะต้อง
“เขาไปทางสถานีเซ็นทรัล!” ทีน่าตะโกนขณะวิ่งตามหลังนิวท์ซึ่งไม่ยอมหยุดพัก
เจคอบหอบหายใจแต่ก็ไม่ยอมแพ้ “เราต้องช่วยเขาให้ได้ ไม่ใช่ไล่ล่าเหมือนเขาเป็นสัตว์ประหลาด…”
บนหลังคาสถานีรถไฟใต้ดิน นิวท์กระโดดลงมายืนขวางทางออบสคูเรียล สายตาเขาเต็มไปด้วยความเมตตา
“ครีเดนซ์ ฟังฉันนะ เธอไม่ใช่ปีศาจ เธอคือคนที่มีค่า…สิ่งที่อยู่ในตัวเธอไม่ผิด เธอแค่ต้องเข้าใจมัน”
พลังเงาดำบิดตัวอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องของครีเดนซ์ดังก้องเหนือเมือง เหมือนเสียงหัวใจที่ถูกกดข่มมานานปี ในที่สุด…เงานั้นก็หยุดนิ่งลงชั่วครู่ เหมือนลังเล
แต่ก่อนที่นิวท์จะเข้าใกล้ เสียงคาถาจากด้านหลังก็แทรกเข้ามาอย่างรุนแรง
“Stupefy!”
สายแสงสีฟ้าพุ่งตรงเข้าร่างครีเดนซ์ ทำให้ร่างออบสคูเรียลแตกสลายอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด
“ไม่! หยุด! เขากำลังฟังผมอยู่!” นิวท์หันไปตะโกนใส่เกรฟส์ซึ่งยืนอยู่ในชุดเจ้าหน้าที่เต็มยศ
“เขาคือภัยต่อทั้งโลกนี้ ถ้าเราปล่อยไว้ นิวยอร์กจะไม่เหลือแม้แต่เศษหิน!” เกรฟส์ตะโกนกลับพร้อมร่ายคาถาอีกชุด
ทีน่าขวางไว้ทันที “คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินเด็กคนหนึ่งเพียงเพราะเขาแตกต่าง!”
การเผชิญหน้าระหว่างนิวท์ ทีน่า และเกรฟส์ทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ ครีเดนซ์หอบหายใจ ร่างกายสั่นไหวอยู่ในเงา ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้อีกนานแค่ไหน
ในเสี้ยววินาที ควีนี่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพร้อมร่ายเวทสะกดจิตเบา ๆ “Legilimens…”
ควีนี่เข้าถึงจิตใจของครีเดนซ์ เห็นภาพในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว ความหวาดกลัว และความต้องการการยอมรับอย่างรุนแรง
เธอพูดผ่านจิต “เธอไม่จำเป็นต้องสู้คนเดียว…เราจะอยู่กับเธอ”
ทันใดนั้น พลังเงาดำของครีเดนซ์ก็สั่นไหว ก่อนจะยุบตัวลงราวกับม่านหมอกที่ถูกแสงอาทิตย์ส่องทะลุ
ครีเดนซ์ปรากฏร่างเต็มในชุดขาดรุ่งริ่ง น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาทรุดตัวลงกับพื้นและพูดเบาๆ “ผม…ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว…”
นิวท์รีบเข้าไปประคองเขา “มันจบแล้ว…เธอปลอดภัยแล้ว”
แต่เกรฟส์กลับไม่ยอมแพ้ เขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นอีกครั้งและตะโกน “ทุกคนที่รู้ความลับนี้ต้องถูกลบความทรงจำ!”
มาดามพริเซียน่าและทีม MACUSA ปรากฏตัวทันทีจากพอร์ทัลวงแหวนขนาดใหญ่ล้อมรอบสถานที่
“พอได้แล้ว เกรฟส์!” พริเซียน่าประกาศเสียงดังก้อง “เรารู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของ MACUSA จริง ๆ”
ในวินาทีนั้น นิวท์หยิบขวดยารูปแบบพิเศษออกจากกระเป๋า และเรียกแฟรงค์ ธันเดอร์เบิร์ดออกมาจากภายใน เพื่อนเก่าผู้ทรงพลังโบยบินขึ้นเหนือท้องฟ้า พร้อมพ่นหมอกเวทมนตร์พิเศษที่จะลบความทรงจำของชาวมักเกิ้ลทั่วเมือง
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะเสียใจทีหลังไม่ได้…” ทีน่าถามเสียงเบา
นิวท์พยักหน้า “ผมเชื่อในแฟรงค์ และเชื่อว่าเราทำดีที่สุดแล้ว”
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร่ายเวทสะกดร่างเกรฟส์ ทำให้เขาทรุดลงกับพื้น เมื่อใบหน้าของเขาถูกเผยตัวภายใต้เวทร่างปลอม — ทุกคนก็ต้องตะลึง
“…เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเจ้าหน้าที่ MACUSA
และนี่…คือตัวจริงของศัตรู
เถ้าธุลีแห่งความทรงจำ และการจากลาที่ไม่ลืม
ควันเวทมนตร์จากปีกของแฟรงค์ ธันเดอร์เบิร์ด เริ่มแผ่กระจายปกคลุมนครนิวยอร์กทั้งเมือง ละอองโปร่งแสงลอยเบาๆ พริ้วผ่านหน้าต่างซึ่งเปิดค้างไว้ ลูบไล้ผ่านผิวของชาวเมืองอย่างแผ่วเบา และเมื่อมันแตะต้องใครก็ตาม…ความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ สัตว์วิเศษ และเวทมนตร์ทั้งหมดก็ค่อยๆ เลือนหายไป
เสียงในตลาดหยุดลง เสียงรถรางกลับมาเป็นจังหวะเดิม ไม่มีใครสงสัยว่าพวกเขาเพิ่งได้ยินเสียงคำราม หรือเห็นแสงระเบิดสีฟ้าฟาดฟันข้ามตึกเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ในสำนักงาน MACUSA การเปิดเผยตัวตนของเกรฟส์ในฐานะ “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์” ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อวงการเวทมนตร์
“เขาแทรกซึมมานานเท่าไหร่แล้ว?” มาดามพริเซียน่าถามเสียงเครียด
“อย่างน้อยก็หลายเดือน…” ทีน่าตอบพลางมองภาพจำลองเวทมนตร์บนโต๊ะกลางห้อง “เขาใช้ตำแหน่งในการค้นหาผู้มีพลังดิบ เพื่อเป้าหมายบางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจทั้งหมด”
นิวท์มองภาพนั้นด้วยสายตาหนักแน่น “กรินเดลวัลด์ไม่ได้แค่ต้องการสร้างความกลัว…เขาต้องการแบ่งแยกโลกเวทมนตร์ออกจากโลกมักเกิ้ลอย่างถาวร ด้วยสงคราม”
ในห้องพักชั่วคราวที่มอบให้ครีเดนซ์ เด็กชายผู้เคยเป็นออบสคูเรียล นั่งเงียบอยู่ริมหน้าต่าง มองเมืองที่กลับคืนสู่ความสงบ น้ำตาซึมเบาๆ บนใบหน้า
ควีนี่เข้ามาช้าๆ วางชามน้ำผึ้งอุ่นไว้บนโต๊ะ “เธอปลอดภัยแล้วนะคะ…ตอนนี้เธอเป็นอิสระ”
“ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง…” ครีเดนซ์เอ่ยเสียงเบา “ผมไม่เคยมีชีวิตที่เป็นของผมเอง”
“ถ้าอย่างนั้น…” ควีนี่ยิ้ม “ก็เริ่มเขียนมันขึ้นใหม่สิคะ วันละนิด วันละบรรทัด”
อีกฟากหนึ่งของเมือง นิวท์กำลังเตรียมตัวกลับอังกฤษ กระเป๋าสัตว์วิเศษของเขาถูกปิดแน่นหนา เขายืนอยู่หน้าท่าเรือ โดยมีเจคอบ ควีนี่ และทีน่ามาส่ง
“นายแน่ใจนะว่าจะไม่อยู่ต่อ?” เจคอบถามขณะมองเรือไอน้ำขนาดใหญ่กำลังปล่อยควันสีเทาลอยขึ้นฟ้า
“มีบางสิ่งรอผมอยู่ที่ลอนดอน” นิวท์ตอบ “แต่ผมสัญญาว่าจะเขียนหนังสือ…เพื่อให้คนเข้าใจสัตว์วิเศษอย่างแท้จริง”
ควีนี่เดินเข้าไปกอดเขา “ขอบคุณที่ช่วยโลกของเราไว้นะคะ”
ทีน่าไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วมองเขาด้วยสายตาที่มีคำมากมายเกินจะเอื้อนเอ่ย
เมื่อถึงเวลา นิวท์เดินขึ้นเรือไปช้าๆ ก่อนจะหยุดและหันกลับมาอีกครั้ง “ผมดีใจที่ได้รู้จักพวกคุณ…ทุกคน”
เจคอบยิ้มกว้าง แม้ดวงตาจะมีน้ำตาเอ่ออยู่ “ฉันด้วย…เพื่อนรัก”
เช้าวันต่อมา เจคอบตื่นขึ้นในร้านเบเกอรี่เล็กๆ ของตนเอง เขาไม่จำอะไรเกี่ยวกับนิวท์ หรือสัตว์วิเศษ หรือกรินเดลวัลด์…แต่ภายในใจลึกๆ มีอะไรบางอย่างหลงเหลืออยู่
ขนมของเขามีรูปร่างแปลกประหลาด — บ้างเหมือนนัฟเฟลอร์ บ้างเหมือนธันเดอร์เบิร์ด และเมื่อควีนี่เดินเข้ามา…เขาก็ยิ้มให้โดยไม่รู้ว่าทำไม
แต่ดวงตาของเธอชื้นวาว เมื่อเห็นว่าแม้ความทรงจำจะถูกลบ…ความรู้สึกกลับยังอยู่
และในท้องฟ้าเหนือเรือไอน้ำที่มุ่งหน้าสู่อังกฤษ ธันเดอร์เบิร์ดบินสูงราวกับเป็นเงาแห่งอิสรภาพ ปีกของมันสะท้อนแสงอรุณเช้าเหมือนโลหะสีทองที่โบยบินเหนือโลก — เตือนใจว่ายังมีความลับอีกมากที่รอให้ค้นพบ
ภาคพิเศษ: บันทึกสัตว์วิเศษแห่งภาคแรก
เมื่อผจญภัยสิ้นสุดลง และควันแห่งความทรงจำได้ลอยจางไปจากใจของชาวนิวยอร์ก ยังคงเหลือสิ่งมีชีวิตที่ประทับอยู่ในใจของนิวท์ สคามันเดอร์และผู้อ่านทุกคน สัตว์วิเศษที่ปรากฏในภาคแรกไม่เพียงแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัว หากยังมีประวัติศาสตร์และตำนานเฉพาะที่ควรรู้จัก
- นัฟเฟลอร์ (Niffler) สัตว์รูปร่างคล้ายตุ่นปากเป็ด ขนดำเงาวาว หน้าตาน่ารักอย่างแปลกประหลาด มีพฤติกรรมเด่นคือความหลงใหลในของแวววาวทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทอง เงิน แหวน เพชร หรือเครื่องประดับราคาแพง มันจะพยายามยัดทุกอย่างเข้าไปในกระเป๋าหน้าท้องที่ลึกกว่าที่ตาเห็น สัตว์ชนิดนี้เป็นที่รู้จักในอังกฤษโดยเฉพาะในเขตชนบท แต่หากนำมาเลี้ยงในเมือง ต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะหายนะในร้านเครื่องเพชรเกิดขึ้นได้ในพริบตา มันฉลาด ขี้เล่น และค่อนข้างดื้อพอตัว — นับเป็นหนึ่งในสัตว์วิเศษที่นิวท์รักที่สุด
- โบวทรัคเกิล (Bowtruckle) ดูเหมือนกิ่งไม้เล็กๆ ตัวสีเขียวซีด มีนิ้วเรียวยาวเหมือนรากไม้ ใช้สำหรับเกาะและปีนต้นไม้ มันขี้อายและหวาดกลัวคนแปลกหน้า แต่หากไว้ใจแล้ว โบวทรัคเกิลจะภักดีอย่างลึกซึ้ง มันอาศัยในต้นไม้ที่ใช้ทำไม้กายสิทธิ์ และจะต่อสู้แม้กระทั่งกับผู้วิเศษหากรู้สึกว่าต้นไม้ถูกคุกคาม โบวทรัคเกิลของนิวท์ชื่อ ‘พิกเก็ต’ เป็นเพื่อนเดินทางที่เกาะเสื้อเขาเสมอ ไม่เพียงน่ารัก แต่ยังช่วยไขกุญแจหรือแอบล้วงกระเป๋าได้อย่างแนบเนียน
- ธันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) สิ่งมีชีวิตในตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกัน ธันเดอร์เบิร์ดมีลำตัวขนาดมหึมา ปีกกว้างและแผ่กว้างเป็นวงอาทิตย์เมื่อกางเต็มที่ ขนมีสีทองแดงระยับราวแสงอรุณ สามารถก่อพายุฝนและฟ้าคะนองได้ตามจังหวะการกระพือปีก พวกมันเป็นสัตว์ที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก สามารถสัมผัสอารมณ์ของผู้คนและตรวจจับอันตรายล่วงหน้าได้หลายชั่วโมง แฟรงค์ ธันเดอร์เบิร์ดของนิวท์ เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและการให้อภัย เขาคือผู้ลบความทรงจำของชาวนิวยอร์กด้วยพายุแห่งเวทมนตร์ที่งดงามดั่งสายฝนกลางแสงทอง
- ออบสคูเรียล (Obscurial) ไม่ใช่สัตว์วิเศษ แต่เป็นพลังดำมืดที่แฝงตัวอยู่ในเด็กผู้วิเศษซึ่งถูกกดข่มไม่ให้ใช้เวทมนตร์ ออบสคูเรียลเกิดจากความเจ็บปวด ความหวาดกลัว และการปฏิเสธตัวตนของตนเอง เมื่อพลังนี้ระเบิดออกมา จะปรากฏเป็นหมอกสีดำเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ทรงพลังพอจะทำลายตึกทั้งหลังในพริบตา ในอดีตผู้มีออบสคูเรียลมักมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 10 ปี แต่ครีเดนซ์ แบร์โบน คือข้อยกเว้น — เด็กชายที่รอดมาได้ด้วยจิตใจที่ยึดมั่น ท่ามกลางสังคมที่ไม่เข้าใจเขา
- อีรูมเพนต์ (Erumpent) สัตว์วิเศษจากแอฟริกา รูปร่างคล้ายแรดขนาดยักษ์ มีผิวหนังหนาและเขาเรืองแสงตรงกลางหน้าผาก เขาของมันมีคุณสมบัติแทรกผ่านทุกสิ่ง และสามารถระเบิดวัตถุด้วยของเหลวภายในที่คล้ายสารเคมีรุนแรง เวทมนตร์ป้องกันบางประเภทยังถูกทำลายได้ด้วยการพุ่งเพียงครั้งเดียว ถึงแม้จะดูน่ากลัว แต่โดยธรรมชาติแล้วอีรูมเพนต์ไม่ดุร้าย มันเป็นสัตว์ที่โดดเดี่ยวและเข้าใจผิดได้ง่าย โดยเฉพาะในฤดูผสมพันธุ์ หากมีแสงหรือเสียงที่คล้ายการเรียกคู่ อาจเกิดอันตรายได้ทันที
- เดมีไกส์ (Demiguise) สัตว์ที่หายากยิ่งในปัจจุบัน พบได้ในป่าลึกของทิเบต จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรูปร่างคล้ายลิงอุรังอุตัง มีดวงตาสีดำกลมโตเต็มไปด้วยความฉลาดและเมตตา ขนสีเงินของมันสามารถทอเป็นผ้าคลุมล่องหนได้ — ทำให้ถูกล่าอย่างหนักในอดีต จุดเด่นอีกอย่างคือความสามารถในการคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าในระยะสั้น ทำให้จับได้ยากมาก เว้นแต่มันจะ ‘ยอมให้จับ’ ด้วยความไว้วางใจ
- ออกแล็ตตี้ (Occamy) สัตว์วิเศษสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างงู มังกร และนก มีลำตัวยาว หัวเล็กเหมือนนกอินทรี ปีกสีฟ้าอมเขียวเป็นประกาย ปรับขนาดตัวได้ตามพื้นที่จากไม่กี่เซนติเมตรจนถึงหลายสิบเมตร ตัวเมียจะวางไข่เป็นโลหะเงินบริสุทธิ์ ทำให้ผู้ลักลอบล่ามักตามหาอย่างไร้ปรานี ออกแล็ตตี้มีความระมัดระวังสูง หากตกใจอาจขยายร่างหรือโจมตีทันที พวกมันจึงต้องการการเลี้ยงดูด้วยความอ่อนโยนอย่างลึกซึ้ง
สัตว์ทุกตัวล้วนมีเอกลักษณ์และเรื่องราวเฉพาะ หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว…บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าอันตราย แท้จริงแล้วแค่ต้องการการเข้าใจ
และนี่คือเหตุผลที่นิวท์ สคามันเดอร์ มุ่งมั่นจะเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษ เพื่อเปลี่ยนความกลัวเป็นความเคารพ และเปลี่ยนอคติ…ให้กลายเป็นมิตรภาพ